30 กรกฎาคม 2551

'เตช' รายงานผลไทย-กัมพูชา





คณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบผลการประชุมทวิภาคี ระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไทย-กัมพูชา

กรณีปัญหาปราสาทพระวิหาร ที่เมืองเสียมราฐ ประเทศกัมพูชา เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุม ครม.เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคมว่า นายเตช บุนนาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้รายงานผลการประชุมที่ได้ข้อสรุป 5 ประเด็น คือ


1.ทั้ง 2 ฝ่ายควรใช้ความอดกลั้นอย่างที่สุด เพื่อหลีกเลี่ยงโอกาสที่จะเกิดการเผชิญหน้าด้วยกำลังทหาร เพื่อให้ปัญหาได้รับการแก้ไขโดยสันติวิธี โดยใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่



2.เสนอรัฐบาลแต่ละฝ่ายให้ความเห็นชอบจัดประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชาโดยเร็วที่สุด เพื่อหารือประเด็นต่างๆ เกี่ยวกับการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนในพื้นที่ที่เกี่ยวข้อง



3.ระหว่างที่รอการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดน ให้มีการเก็บกู้ทุ่นระเบิดในพื้นที่ที่มีการสำรวจ, จัดตั้งชุดประสานงานชั่วคราว เพื่อจัดการกับปัญหาที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ รวมทั้งบริเวณวัดแก้วสิขาคีรีสวาระ และปรับกำลังทหารทั้งสองฝ่ายออกจากวัด พื้นที่รอบวัด และปราสาทพระวิหาร


4.มาตรการชั่วคราวที่ตกลงร่วมกันจะไม่มีผลกระทบต่อสิทธิของทั้งฝ่ายเกี่ยวกับการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดน


5.ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงที่จะหารือประเด็นอื่นๆ ที่ยังไม่สามารถตกลงกันได้ ในการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศไทย-กัมพูชา ครั้งต่อไป

รายงานข่าวจากที่ประชุม ครม.แจ้งว่า ก่อนเข้าสู่วาระการประชุม นายสุรชัย ภู่ประเสริฐ เลขาธิการ ครม. ได้อ่านรายชื่อแนะนำรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศคนใหม่

คือนายเตช บุนนาค ให้ ครม.รับทราบ จากนั้นนายสมัครซึ่งอยู่ในอารมณ์ยิ้มแย้มแจ่มใส ได้กล่าวชมเชยนายเตช และคณะ ในการเดินทางไปเจรจากับฝ่ายกัมพูชาว่า 'ก็เห็นคุณเตชไปเจรจาว่าความกันมาเรียบร้อยดี แม้จะไม่ได้ข้อยุติเสียทีเดียว แต่ถือว่าได้คลี่คลายลงไปได้ทีละเปลาะ และในอนาคตก็น่าจะดีขึ้น'



ด้านนายเตชให้สัมภาษณ์รายการ 'เจาะลึกทั่วไทย' ทางวิทยุเอฟเอ็ม 98.0 ถึงการประชุมทวิภาคีไทย-กัมพูชาว่า ที่ตกลงกันมีอยู่ 5 ข้อด้วยกัน

แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือว่า รัฐมนนตรีของทั้งสองประเทศเห็นพ้องกันว่าทั้งสองฝ่ายควรใช้ความอดกลั้นอย่างถึงที่สุด เพื่อหลีกเลี่ยงโอกาสที่จะทำให้เกิดการเผชิญหน้าด้วยกำลังทหาร โดยปรับกำลังของทั้งสองฝ่ายออกจากวัดแก้วสิขาคีรีสวาระ พื้นที่รอบวัด และปราสาทพระวิหาร ส่วนปัญหาชุมชนเขมรในพื้นที่ทับซ้อน 4.6 กิโลเมตร ยังไม่สามารถตกลงกันได้ แต่เป็นประเด็นหนึ่งที่จะนำไปพิจารณาในการประชุมครั้งต่อไป



ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน

id 513 1601 176 sec 1 law

26 กรกฎาคม 2551

นายกฯ เผยได้ตัว รมว.กต.ใหม่แล้ว คาด เตช บุนนาค




ก.การต่างประเทศ 25 ก.ค.- นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการแถลงข่าวการรับเป็นประธานอาเซียนของไทยอย่างเป็นทางการ ว่าจะมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศคนใหม่ ไปร่วมประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศไทย-กัมพูชา ที่เสียมราฐ ประเทศกัมพูชา ในวันที่ 28 กรกฎาคมนี้ แน่นอน เมื่อถามว่า ผู้ไปร่วมประชุมเป็นนายกรัฐมนตรีเดินทางไปเอง หรือนายเตช บุนนาค อดีตปลัดกระทรวงการต่างประเทศ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า "รอฟังวิทยุ อาจจะคืนนี้"

นายกรัฐมนตรี ยังได้เปิดตัวเว็บไซต์อาเซียน และโครงการยุวทูตความดีกับอาเซียน โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวโดยสรุปตอนหนึ่งว่า ความร่วมมือของประเทศในอาเซียน ได้ขยายสู่นานาประเทศ รวมถึงความสัมพันธ์ในประเทศอาเซียนด้วยกันเอง ถือว่าไทยได้รับการยอมรับเป็นอย่างมาก จะเห็นได้จากบทบาทการช่วยเหลือประเทศพม่า ประสบภัยพิบัติธรรมชาติ ที่ยอมรับการช่วยเหลือของไทยก่อนประเทศอื่น

"ยอมรับว่าเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีเจองานหลายอย่าง กรณีเขาพระวิหารดุเดือดนิดหน่อย แต่พอคุยกันได้ พอดับชนวนบางอย่างได้ ขอให้รอดูวันที่ 28 กรกฎาคม จะออกหัว ออกก้อยอย่างไร แต่คิดว่าจะออกก้อย ออกดี ไม่ดุเดือด จะออกแบบบรรเทาเบาบาง เมื่อรับตำแหน่งแล้วขอสัญญาจะทำหน้าที่ให้เรียบร้อยไม่ขายหน้า" นายกรัฐมนตรี กล่าว.- สำนักข่าวไทยอัพเดตเมื่อ 2008-07-25 18:59:29


ที่มา : สำนักข่าวไทย

id 513 1601 176 sec 1 law

25 กรกฎาคม 2551

นายกรัฐมนตรี ปัดตอบคำถามสื่อฯ กรณีแต่งตั้ง รมว.ต่างประเทศคนใหม่





สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 09.00 น. วันนี้ (25 ก.ค.) นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางไปเป็นประธานการประชุมเตรียมการสำหรับการจัดการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอาเซียน ครั้งที่ 7 ที่กระทรงวงกลาโหม โดยผู้สื่อข่าวได้สอบถามถึงการแต่งตั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศคนใหม่ ซึ่งนายสมัครปฏิเสธที่จะตอบคำถาม จากนั้นเวลา 11.00 น. นายสมัคร เดินทางไปที่สถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (ผอ.รมน.) นำคณะกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) เพื่อบันทึกเทปถวายพระพร เนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหามหาราชินี ทั้งนี้ตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีปฏิเสธที่จะตอบคำถามสื่อมวลชนในทุกเรื่อง โดยมีสีหน้าเคร่งเครียด.-สำนักข่าวไทยอัพเดตเมื่อ 2008-07-25 11:39:34

ที่มา : สำนักข่าวไทย

id 513 1601 176 sec 1 law

22 กรกฎาคม 2551

'มาร์ค'เชื่ออาเซียนไม่ลงลึกปัญหา แนะใช้การทูตเชิงรุก



ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์

กล่าวถึงกรณีที่อาเซียนจะเข้ามามีบทบาทคลี่คลายปัญหาชายแดนไทยและกัมพูชา ว่า อาเซียนคงไม่เข้ามาลงลึกในสาระ ที่เป็นประเด็นถกเถียงระหว่าง 2 ประเทศ คาดว่าคงเป็นความตั้งใจดีที่จะให้ทุกฝ่ายได้ยืนยันว่า ระหว่างสมาชิกอาเซียนด้วยกันเอง จะต้องหาทางออกได้โดยสันติวิธี ซึ่งเป็นหลักการสำคัญ และคิดว่าเป็นเรื่องดีที่อาเซียนให้ทุกฝ่ายใช้วิธีการเจรจาเป็นหลัก



'เรื่องนี้อยู่ที่ไทยจะต้องทำความเข้าใจกับฝ่ายต่างๆ และรัฐบาลไม่ควรตายใจ และมัวแต่หยิบยกปัญหาขึ้นมาเพื่อโทษคนนั้นคนนี้ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ควรรอให้ พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ซึ่งไปร่วมประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปกับกัมพูชา รายงานให้นายกรัฐมนตรีทราบว่า มีการหยิบยกประเด็นอะไรขึ้นมาบ้าง และรัฐบาลจะมีทางเลือกในการเดินต่อไปอย่างไร' นายอภิสิทธิ์ กล่าว


ส่วนกรณีที่กัมพูชาเดินหน้าเรื่องเขาพระวิหาร ทั้งด้านการทูตและการออกสื่อมวลชน ในทำนองโจมตีประเทศไทยนั้น

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไทยจะต้องทำงานในเชิงรุกด้วยเช่นกัน แต่ควรเป็นการทูตเชิงรุกในแต่ละประเทศ ซึ่งดูจะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในพื้นที่ที่เกี่ยวข้อง เพราะความจริงแล้ว ไทยสามารถอธิบายหลายสิ่งหลายอย่างได้ โดยไม่กระทบกระเทือนสิทธิประโยชน์ต่างๆ ทั้งเรื่องตัวปราสาท และพื้นที่ทับซ้อน มีแนวทางการบริหารที่ทุกฝ่ายสามารถจะได้ประโยชน์ ซึ่งไม่ใช่ลักษณะที่จะทำให้เกิดความตึงเครียด หรือการปะทะกัน



'ผมคิดว่าสถานการณ์อาจดีขึ้นหลังการเลือกตั้งในกัมพูชา เพราะเราก็มองออกว่า ในแง่ของรัฐบาลกัมพูชาขณะนี้ จะต้องแสดงท่าทีที่ไม่กระทบกับคะแนนเสียงของตัวเอง แต่หลังจากการเลือกตั้งแล้ว อาจจะทำให้อารมณ์ต่างๆ ลดลงได้' นายอภิสิทธิ์ กล่าว



ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน

id 513 1601 176 sec 1 law

'นครบาล'เรียกประชุม เอาผิด'ดา ตอร์ปิโด' ปราศรัยหมิ่นฯ



รายงานข่าวจากกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) แจ้งว่า ช่วงเย็นวันที่ 21 กรกฎาคม พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.น.ประธานคณะกรรมการพิจารณาคดีหมิ่นเบื้องสูงของ บช.น.

เรียกประชุมคณะกรรมการทุกคนเพื่อพิจารณาคดีหมิ่นเบื้องสูงในท้องที่ สน.ชนะสงคราม มาพิจารณา โดยทาง สน.ชนะสงครามแจ้งว่าได้นำกรณี น.ส.ดารณีปราศรัยบนเวทีสนามหลวงส่อหมิ่นเบื้องสูงมาพิจารณาด้วย หากที่ประชุมคณะกรรมการพิจารณาคดีหมิ่น บช.น.มีความเห็นว่า น.ส.ดารณีมีความผิดก็จะขออนุมัติศาลอาญาออกหมายจับเพื่อดำเนินคดีต่อไปทันที

พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า ด้วยกองทัพบกได้รับทราบข้อมูลข่าวสารว่า นางดารณี ชาญเชิงศิลปกุล หรือ "ดา ตอร์ปิโด" ได้ขึ้นกล่าวปราศรัยในการชุมนุม ณ บริเวณท้องสนามหลวงเมื่อวันที่ 18 ก.ค.51

โดยมีการใช้ถ้อยคำดูหมิ่น หมิ่นประมาท หรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย ต่อองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ อันเป็นการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และถือเป็นการมิบังควรอย่างที่สุด จากการกระทำดังกล่าว กองทัพบกจึงได้มีหนังสือด่วนที่สุด เมื่อวันที่ 21 ก.ค. 51 ถึงผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เรื่อง ขอให้ดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์

โดยเนื้อหาในหนังสือระบุว่า กองทัพบก ขอให้กองบัญชาการตำรวจนครบาลได้กรุณาตรวจสอบการปราศรัยของนางดารณีฯ

หากพบว่ามีการกระทำความผิดจริง ขอให้ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ทั้งนี้ หนังสือดังกล่าวได้ส่งไปยังกองบัญชาการตำรวจนครบาลแล้วในวันเดียวกันกองทัพบกในฐานะที่เป็นหน่วยงานหลักที่มีหน้าที่ในการเทิดทูนไว้ซึ่งสถาบัน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ จะดำเนินการในทุกวิถีทางเพื่อป้องกันมิให้มีการกระทำใดๆอันเป็นการระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท โดยเด็ดขาด


ทั้งนี้ กองทัพบกจะติดตามผลของการดำเนินคดีในเรื่องดังกล่าวอย่างใกล้ชิดต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.ดารณี ชาญเชิงศิลปกุล หรือ 'เจ๊ดา ตอร์ปิโด' วัย 45 ปี เคยขึ้นเวทีปราศรัยโจมตีการทำงานของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) และบทบาทของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ อย่างรุนแรง

จนนางยุพา อิ่มแดง แม่ค้าขายดอกไม้ ย่านปากคลองตลาด ปาอุจจาระใส่ถุงพลาสติคใส่หน้า ทำให้ขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์หลายฉบับ ทั้งนี้ น.ส.ดารณี เคยให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์มติชน ฉบับวันที่ 04 กรกฎาคม พ.ศ.2550 ว่า พื้นฐานเป็นคนสนใจข่าวสารบ้านเมือง จึงเลือกเรียนที่คณะรัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง จากนั้นเริ่มต้นชีวิตการทำงานด้วยการเป็นผู้สื่อข่าวด้านการเมืองและเศรษฐกิจหลากหลายสำนักพิมพ์ ทั้ง วัฏจักร พิมพ์ไทย ไทยสกายทีวี

'หลังการปฏิวัติ ยึดอำนาจ ดิฉันตัดสินใจลาออกมาเป็นนักข่าวอิสระและนักเคลื่อนไหว เพราะไม่อยากเป็นสื่อมวลชนที่ถูกครอบงำ อยากทำงานอย่างอิสระ วิพากษ์ วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลและ คมช. เรียกร้องประชาธิปไตยได้อย่างเต็มที่ ตรงไปตรงมา ไม่ต้องมีใครกลัวใคร เพราะนิสัยส่วนตัวจะเป็นคนที่ตรงมาตรงไป ยึดหลักความถูกต้อง อะไรที่ไม่ถูกต้องก็คงทำงานร่วมกันไม่ได้ จึงออกมารวมกลุ่มกับเพื่อนตั้งเป็นเครื่อข่ายสภาประชาชน เรียกร้องประชาธิปไตย ซึ่งมีจุดยืนในการนำรัฐธรรมนูญปี พ.ศ.2540 กลับมาใช้เลือกตั้ง'

ส่วนฉายา 'ดา ตอร์ปิโด' นั้น น.ส.ดารณี กล่าวว่า เพื่อนๆ ในกลุ่มเป็นคนตั้งให้ เพราะเห็นลีลาการปราศรัยบนเวทีที่ดุเด็ด

เผ็ดมันทั้งอารมณ์ น้ำเสียง ถ้อยคำ เพื่อนบอกว่า ปราศรัยทีไรเหมือนกับระเบิดลง คล้ายกับระเบิดตอร์ปิโด จึงตั้งฉายานี้ให้ ซึ่งความจริงแล้วส่วนตัวก็ไม่ได้เป็นคนดุ แต่เป็นคนพูดตรงๆ ไม่อ้อมค้อม ผิดก็ว่าไปตามผิด แต่เวลาปราศรัยบนเวที ต้องปลุกเร้าอารมณ์ผู้ฟังให้มีอารมณ์ร่วมไปด้วย จะไปพูดเรียบๆ เหมือนกับอาจารย์ สอนเล็คเชอร์ให้นักศึกษาก็คงไม่ได้

สำหรับเหตุการณ์ปาอึที่เกิดขึ้น น.ส.ดารณี กล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ว่า

'โดนปาอึครั้งนี้ไม่รู้สึกอะไรเลย ดิฉันไม่โกรธ ไม่โมโห เพราะจริงๆ แล้วนี่ไม่ใช่ครั้งแรก อีกอย่างคนที่ทำก็คงมีเหตุผลของเขา เพราะก่อนที่จะถูกปาอึใส่หน้า ก็ถูกปาอึใส่รถมาแล้ว แล้วตลอดเวลาที่ออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยครั้งนี้ ก็ถูกข่มขู่มาตลอดให้หยุดปราศรัยโจมตีคนอื่น แต่ก็ไม่รู้สึกกลัว เพราะในชีวิตจะยึดหลักที่ว่า คนเราเกิดมาครั้งเดียว ตายครั้งเดียว แม้จะทำความดีแล้วคนไม่เห็น แต่ฟ้าดินเห็นก็พอใจแล้ว และจะยืนหยัดเรียกร้องจนกว่าจะได้ประชาธิปไตยและประเทศไทยมีการเลือกตั้งโดยรัฐธรรมนูญที่มาจากวิถีของประชาธิปไตยที่แท้จริง'



ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน

id 513 1601 176 sec 1 law

ม็อบเสื้อแดงไล่ป.ป.ช.ถึงถิ่น ทำพิธีถอดป้าย-เผาโลง




ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.00 น. กลุ่มต่อต้านพันธมิตร นำโดยนายวรัญชัย โชคชนะ และกลุ่ม 24 มิถุนายน

ที่มีนายสมยศ ฤกษาเกษมสุข เป็นแกนนำ พร้อมประชาชนเสื้อแดงกว่า 100 คน ได้เดินหน้ามาที่หน้าสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ด้านถนนพิษณุโลก เพื่อเรียกร้องให้กรรมการ ป.ป.ช.ทั้ง 9 ลาออกจากตำแหน่ง โดยมีการเป่านกหวีด ตีกลอง และจุดประทัดขับไล่ พร้อมเผาหุ่นนายจรัญ ภักดีธนากุล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และเผาโลงศพของกรรมการ ป.ป.ช.ทั้ง 9 คน


จากนั้นทำพิธีถอดป้าย ป.ป.ช. ด้วยการนำป่ายผ้าสีดำที่มีข้อความว่า ‘คณะกรรมการปราบปรามคนดีและปอกลอกงบประมาณแห่งชาติ’ มาคลุมทับป้ายของสำนักงาน ป.ป.ช.พร้อมกับส่งเสียงตะโกนด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคาย


ระหว่างทีมีการเผาโลงศพกรรมการ ป.ป.ช.อยู่นั้น นายเที่ยง ภักดีรัตน์ ชาว จ.สุโขทัย อายุ 45 ปี ได้ราดน้ำมันลงไปที่โลงศพ

ทำให้ไฟลุกขึ้นลามไปติดที่เสื้อของนายเที่ยงอย่างรวดเร็ว จนนายเที่ยงต้องรีบถอดเสื้อทิ้ง ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะรีบเข้ามาช่วยดับไฟ ทำให้นายเที่ยงได้รับบาดเจ็บเป็นแผลพุพองที่บริเวณลำตัวซีกขวา และต้องรีบนำตัวส่งโรงพยาบาล



ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน

id 513 1601 176 sec 1 law

21 กรกฎาคม 2551

ประมวลภาพ 'สมัคร'หยอกล้อกับแมวอย่างมีความสุขในงาน'ไทยแลนด์ แคทโชว์'















เมื่อ'สมัคร'เปิดงานโชว์'แมว'สัตว์เลี้ยงตัวโปรด มองไปทางไหนก็เจอแต่'เจ้าเหมียว' จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะทำให้ผู้นำประเทศหัวเราะร่าได้

อีกมุมหนึ่งของนายกรัฐมนตรี ที่ชื่อ 'สมัคร สุนทรเวช' ที่ใครๆ ก็รู้ว่าว่าหลงรัก'เจ้าเหมียว'เป็นชีวิตจิตใจ หลังจากเป็นประธานเปิดงาน'ไทยแลนด์ แคทโชว์' ครั้งที่ 8 เอ็มซีซี ฮอล์ เดอะมอลล์บางกะปิ พร้อมแนะนำเคล็ดแก่ผู้เข้าร่วมงาน หากที่บ้านมีแมวตาย ให้นำกระดูกของแมวที่ตายแล้วไปแล้วฝังไว้รอบบ้าน เป็นความเชื่อว่าจะป้องกันอันตรายให้กับคนในบ้านได้

นายกฯ คนรักแมวได้เดินเที่ยวชมรอบงานพร้อมกับอุ้มแมวที่ได้รับรางวัลอย่างเพลิดเพลิน

ทั้งนี้ ได้มอบเงินบริจาคจำนวน 5,000 บาท ให้กับกลุ่มสานสายใยชีวิต SOS เพื่อช่วยเหลือแมวจรจัด นอกจากนี้ ลุงสมัครยังใจดี แสดงฝีมือวาดรูปด้วยสีเทียนลงบนเสื้อสีขาว โดยวาดเป็นรูปแมวหันหลัง ให้ผู้จัดงานจะนำเสื้อดังกล่าวไปประมูล เพื่อนำเงินมาช่วยเหลือทางการกุศลต่อไป

id 513 1601 176 sec 1 law

นายกฯออกทีวียันจะอยู่ครบ 4 ปี



วันที่ 20 ก.ค. เวลา 08.30 น. ที่สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยเอ็นบีที นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

กล่าวในรายการสนทนาประสาสมัคร ถึงกรณีที่รัฐบาลออก 6 มาตรการช่วยเหลือคนจน ว่า เมื่อรัฐบาลออก 6 มาตรการไปแล้ว มีโพลออกมาระบุว่า ประชาชนไม่เห็นด้วยร้อยละ 66 ก็สุดแล้วแต่ว่าโพลนั้นไปถามจากใคร รัฐบาลมีความรู้สึกว่าได้ทำในสิ่งที่ถูกที่ควรไปแล้ว แต่กลับมีเสียงวิจารณ์เข้ามามาก ว่าหลายมาตรการหากมีรัฐบาลใหม่เข้ามาจะเดือดร้อน เพราะต้องขึ้นราคาน้ำมัน หรือแม้แต่เรื่องภาษี

"จึงต้องถามว่ารัฐบาลนี้อยู่แค่ 6 เดือน ไม่ใช่ 4 ปีหรือ ผมต้องรับผิดชอบการออกมาตรการครั้งนี้ของรัฐบาล เพราะมาตรการนี้ออกมาช่วยคนรายได้น้อยก่อน 6 เดือน เพื่อรอเมกะโปรเจ็กต์ที่จะมีขึ้นมา แล้วคนมีรายได้น้อยนั้นจะได้มีงานทำมากขึ้น มีรายได้ จากนั้นจึงยกเลิกมาตรการ 6 เดือนนั้น ผมคิดว่ารัฐบาลทำถูก ทุกอย่างที่ทำเป็นมาตรการที่ได้ประโยชน์แน่นอน คนมีอันจะกินไม่มาเบียดแน่ เชื่อว่าเรียบร้อยดี" นายสมัครกล่าว

นายสมัครยังกล่าวตอบจดหมายของผู้ชมทางบ้านที่ส่งเข้ามาในรายการ ว่า มาตรการที่ออกมาแก้ปัญหาโดยไม่ทำให้สินค้าขึ้นราคา มั่นใจว่ารัฐบาลทำสิ่งที่ถูกต้องแล้ว

และยืนยันว่าเรื่องราคาน้ำมันถูกจากรัสเซียนั้นทำได้แน่นอนเพราะกำลังดำเนินตามกรรมวิธีอยู่ ส่วนกรณีที่วิจารณ์ว่ารัฐบาลใหม่เข้ามาในเวลาที่เหลือเขาจะเดือดร้อนจากมาตรการที่รัฐบาลนี้ทำไว้นั้น ยืนยันแล้วว่าตนอยู่ได้ 4 ปี แต่จะอยู่ไปได้อีกกี่วันนั้นก็สุดแท้แต่การฆ่ารัฐบาลนี้ว่าจะทำได้สำเร็จหรือไม่

นายสมัครกล่าวว่า ต่อไปในอนาคตรถขนส่งมวลชนทั้งหมดจะใช้ไฟฟ้า ซึ่งคืบหน้าไปหลายอย่าง

เกือบถึงขั้นลงมือได้ ถ้ารัฐบาลมีวาสนาอยู่ทำได้ก็จะทำตลอด จนถึงเรื่องการก่อสร้าง แต่ถ้ามีอันต้องสะดุดหยุดลง เขาสามารถฉุดกระชากลากรัฐบาลทั้งคณะให้หยุดทำการได้ตามที่เขาต้องการทำ มันก็ต้องยุติลงเท่านั้น


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์

id 513 1601 176 sec 1 law

รวมภาพสุดชื่นมื่น ระหว่าง 'ฮุนเซน-ทักษิณ' ก่อนเกิดปม 'ปราสาทพระวิหาร'








ย้อนอดีตเหตุการณ์เมื่อครั้งการไปเยือนประเทศกัมพูชาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯไทย เดินทางไปร่วมตีกอล์ฟกับนายกฯ กัมพูชา โดยมีคณะผู้ใกล้ชิดห้อมล้อม ก่อนที่ไทยและกัมพูชา เกิดความขัดแย้งกันในกรณี 'ปราสาทพระวิหาร'


ภาพบรรยากาศที่ชื่นมื่น ณ สนามกอล์ฟแห่งหนึ่งในกัมพูชา เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2551 ระหว่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีไทย กับ สมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีของกัมพูชา โดยมีคณะผู้ติดตามของพ.ต.ท.ทักษิณ ที่หน้าตาคุ้นเคยเป็นอย่างดีห้อมล้อม


ไม่ว่าจะเป็น นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา โฆษกส่วนตัว และ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ที่มีใบหน้าสดชื่นยิ้มแย้ม ทั้งที่อ้างกับคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ (คตส.) ว่าป่วย ไม่สามารถมาชี้แจงได้หลายคดี อาทิ คดีซีทีเอ็กซ์ คดีแอร์พอร์ตลิงก์ เป็นต้น


เป็นช่วงก่อนเกิดเหตุการณ์ความขัดแย้งในพื้นที่ชายแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา กรณีปราสาทพระวิหาร ภายหลังจากที่คณะกรรมการมรดกโลกได้ลงมติให้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแล้ว


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน

id 513 1601 176 sec 1 law

ได้ฤกษ์ยื่นถอดถอน “ชัย” 23 ก.ค.




นายสาธิตยังกล่าวถึงความคืบหน้าการยื่นถอดถอนนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร

ที่ถือหุ้นโรงโม่หินศิลาชัย บริษัทที่ได้รับประทานบัตรจากรัฐว่า รัฐธรรมนูญ มาตรา 265 (2) มีเจตนารมณ์ชัดเจนว่าไม่ให้ผู้ถือหุ้นที่เป็นสมาชิกรัฐสภา คู่สมรส หรือบุตร เข้าไปหาประโยชน์ หรือแทรกแซงการบริหารให้เกิดประโยชน์ในบริษัท ทั้งนี้ ยืนยันว่าการยื่นเรื่องดังกล่าวไม่ใช่การจะมาฆ่ากันให้ตาย แต่เป็นการดำเนินการเพื่อให้เป็นบรรทัดฐานต่อไป ซึ่งการยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญนั้นมี 2 ช่องทางที่จะดำเนินการ

โดยในวันที่ 23 ก.ค. เวลา 09.30 น. จะประสานไปยังประธานสภาผู้แทนราษฎรเพื่อยื่นเรื่องดังกล่าว

แต่ถ้านายชัยไม่รับเรื่อง ก็จะไปยื่นเรื่องต่อ กกต.เพื่อส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยต่อไป สำหรับรายชื่อขณะนี้ที่ต้องรวบรวมให้ได้ 1 ใน 10 ของสภาฯ คือ 48 คนนั้น ตอนนี้รวบรวมได้ 30 คนแล้ว คาดว่าจะสามารถเข้าชื่อยื่นได้ครบตามจำนวนแน่นอน


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

id 513 1601 176 sec 1 law

"อภิรักษ์"ทำหนังสือถึงมท.ยันจะดูรถไฟฟ้าในกรุง



รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการประชุมคณะกรรมการพิจารณาจัดระบบการจราจรและการขนส่งในกรุงเทพฯและปริมณฑล

ซึ่งกรรมการชุดดังกล่าวได้รับการแต่งตั้งจากนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯกทม. เพื่อพิจารณาหาข้อสรุปแนวทางหลังเกิดปัญหารัฐบาลต้องการนำรถไฟฟ้าสายสีเขียวของกทม.ไปดูแลเองนั้น ขณะนี้กรรมการได้พิจารณามีข้อสรุปแล้วว่า กทม.ควรมีส่วนร่วมในการดูแลรถไฟฟ้าในกรุงเทพฯเช่นเดิมเพราะมีกฎหมายรองรับไว้ อีกทั้งนอกจากรถไฟฟ้าแล้วกทม.ยังมีหน้าที่ดูแลแก้ไขปัญหาการจราจรและการเชื่อมต่อระบบต่าง ๆ ทั้งการก่อสร้างระบบถนน สะพาน ศาลาที่พักผู้โดยสาร ท่าเรือ ส่วนนโยบายของรัฐบาลกทม.ก็สามารถดำเนินการได้ ทั้งนี้คณะกรรมการจะสรุปผลนำเสนอผู้ว่าฯกทม. พิจารณา ภายในสัปดาห์นี้ ขณะที่ผู้ว่าฯกทม. เตรียมนำเสนอความเห็นไปที่กระทรวงมหาดไทยทันที

รายงานข่าวแจ้งว่า ในการพิจารณาดังกล่าว เนื่องจากคณะกรรมการเห็นว่า ในส่วนของโครงการรถไฟฟ้าระยะแรกที่บริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด หรือบีทีเอสเป็นผู้รับสัมปทาน

แม้ตามสัญญาสัมปทานจะระบุผู้ให้สัมปทานคือรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยกับกระทรวงคมนาคมเท่านั้น ซึ่งโครงการนี้เจ้าของสัมปทานคือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย แต่ทรัพย์สินดังกล่าวก็เป็นอำนาจของกทม.ตามกฎหมาย แม้รัฐบาลจะดูแลรถไฟฟ้าเอง แต่กทม.ก็ถือเป็นเจ้าของทรัพย์สิน ต้องมีการแก้ไขกฎหมาย กทม.จึงต้องดูแลรถไฟฟ้าต่อไป เช่นเดียวกับส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าที่กทม.ใช้งบประมาณก่อสร้างเอง 100% ทั้งจากสาทร-ตากสิน ระยะทาง 2.2 กม. จากตากสิน-บางหว้า และจากอ่อนนุช-แบริ่ง กทม.ก็ควรดูแลต่อไปเช่นกัน ส่วนจากหมอชิต-เกษตรฯ ที่รัฐบาลมอบให้กทม. ไปก่อสร้างแล้วนั้น กทม. ก็ควรมีสิทธิดูแลเรื่องระบบการต่อเชื่อมต่าง ๆ อีกทั้งเมื่อรฟม.จะก่อสร้างก็ต้องขออนุญาตใช้พื้นที่ของกทม.ด้วย

ด้านนายอภิรักษ์ กล่าวว่า ตนจะสรุปความเห็นของกรรมการฯที่ระบุว่ากทม.ควรดูแลรถไฟฟ้าต่อไปไปยังกระทรวงมหาดไทยในเร็ว ๆ นี้ ส่วนว่าหากรัฐบาลยังยืนยันจะโอนรถไฟฟ้าไปอีกก็ให้เป็นเรื่องในอนาคตแต่ในชั้นนี้กทม. ได้เสนอความเห็นในรูปของคณะกรรมการฯไปก่อน.



ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสืงพิมพ์เดลินิวส์

id 513 1601 176 sec 1 law

โพลชี้ “สมัคร” ความนิยมสูงขึ้น




เอแบคโพลเปิดเผยผลสำรวจเรื่องความคิดเห็นของสาธารณชนต่อเรื่องสำคัญของประเทศไทย

กรณีศึกษาประชาชนที่มีสิทธิเลือกตั้งใน 18 จังหวัดทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 2,447 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 15-20 ก.ค. พบว่าข่าวเหตุการณ์บ้านเมืองที่ประชาชนสนใจได้แก่ ข่าวปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณปราสาทพระวิหาร ข่าวเกี่ยวกับสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ข่าวเศรษฐกิจ ข่าวการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ข่าวการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และข่าวการปรับ ครม.

ต่อข้อถามว่า คนไทยควรวางตัวอย่างไรเพื่อแก้ไขปัญหาของประเทศ กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ตอบว่า ควรรักและสามัคคี ควรปลูกฝังจิตสำนึกรักชาติและเสียสละ

ควรยุติข้อขัดแย้งภายใน ควรเสียสละทุกอย่างเพื่อความมั่นคง นอกจากนี้ มีประเด็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับความนิยมของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี หลังจากที่ออก 6 มาตรการช่วยเหลือประชาชนและแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ โดยความนิยมของนายสมัครในเดือน ก.ค. เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 57.1 จากเดือน มิ.ย. อยู่ที่ 52.0 และเดือน มี.ค. ความนิยมอยู่ที่ 30.7


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

id 513 1601 176 sec 1 law

เปิดรายการ เรื่องจริงวันนี้ โต้พันธมิตรฯ




21 ก.ค. – แกนนำ นปก. เริ่มจัดรายการที่สถานีโทรทัศน์เอ็นบีที เพื่อตอบโต้กลุ่มพันธมิตรฯ เป็นวันแรก
นายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) กล่าวเปิดรายการ "ความจริงวันนี้" ทางสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที วันแรก ค่ำที่ผ่านมา มี นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.พรรคพลังประชาชน นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ดำเนินรายการ โดย นายวีระ กล่าวถึงสาเหตุที่ต้องดำเนินรายการรับเชิญว่า ปัจจุบันมีสื่อนำเสนอข้อมูลโจมตีรัฐบาล โน้มน้าวประชาชน จึงต้องการเปิดเผยความจริงให้คนในสังคมรับรู้ ประเด็นพูดคุยในรายการ เป็นการวิพากษ์วิจารณ์ประเด็นที่ประชาชนสนใจ และเริ่มรายการด้วยการตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับที่มาของ ป.ป.ช. และยืนยันการเจรจาระหว่างไทยกับกัมพูชา เรื่องพื้นที่ทับซ้อนไม่มีผู้แพ้หรือผู้ชนะ

สำหรับรายการ "ความจริงวันนี้" ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 22.00-23.00 น. ทางสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที .-สำนักข่าวไทยอัพเดตเมื่อ 2008-07-21 23:10:44

ID 513 1601 176 sec 1

6 ประเทศอาเซียนนัดประชุมนอกรอบพรุ่งนี้ กรณีไทย-กัมพูชา



21 ก.ค.-รมว.ต่างประเทศกัมพูชา ทำหนังสือถึงรัฐมนตรีต่างประเทศสิงคโปร์ เกี่ยวกับความขัดแย้งกรณีเขาพระวิหารกับไทย พร้อมนัดประชุมพิเศษนอกรอบ พรุ่งนี้
นายสุรินทร์ พิศสุวรรณ เลขาธิการอาเซียน เปิดเผยกับสำนักข่าวไทยว่า นายฮอร์ นำฮง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศกัมพูชา ที่เดินทางไปร่วมในการประชุมระดับรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ที่สิงคโปร์ ได้ทำหนังสือถึง นายจอร์จ เหยียว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ประเทศเจ้าภาพ ถึงความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับกัมพูชา กรณีข้อพิพาทปราสาทเขาพระวิหารระบุว่าขณะนี้ความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศตึงเครียดมากขึ้น เนื่องจากไทยได้ส่งทหารเข้าไปในพื้นที่เพิ่มขึ้น และขอให้มีการประชุมนัดพิเศษนอกรอบระหว่างประเทศอินโดนีเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม ลาว ไทยและกัมพูชา พรุ่งนี้ (22 ก.ค.) เวลา 12.00-13.00 น. นอกเหนือจากการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน วาระทั่วไป

ด้าน พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ให้สัมภาษณ์เมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา หลังเดินทางกลับจากการหารือกับคณะของ พล.อ.เตีย บันห์ รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของกัมพูชา ที่จังหวัดสระแก้ว โดยย้ำว่าการเจรจากัมพูชาในครั้งนี้ไม่สำเร็จ เพราะติดข้อกฎหมาย ทำให้ยังไม่ได้ข้อสรุปในครั้งนี้ สำหรับผลการประชุมที่ได้ในวันนี้ จะรายงานให้นายกรัฐมนตรีรับทราบอีกครั้ง ก่อนจะมีการนัดหารือในระดับต่าง ๆ ต่อไป ซึ่งคาดว่าคงหลังวันที่ 27 กรกฎาคมนี้ ส่วนการคงกำลังทหารตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เป็นเพราะเกี่ยวข้องกับอธิปไตยของประเทศ .-สำนักข่าวไทย

id 513 1601 176 sec 1 law

ประชุมจีบีซีไทย-กัมพูชาล่ม เหตุนอกรอบไม่ได้ข้อสรุปแก้ปัญหาพระวิหาร




สระแก้ว 21 ก.ค. - “พล.อ.บุญสร้าง-พล.อ.เตีย บันห์” ใช้เวลา 8 ชม. หารือนอกรอบแก้ปัญหาตึงเครียด 2 ประเทศ แต่หาข้อสรุปไม่ได้ ติดปัญหากฎหมายและใช้แผนที่บริเวณปราสาทพระวิหารคนละฉบับ ส่งผลให้ประชุมจีบีซีไม่ได้ คาดหารือกันใหม่หลังเลือกตั้งทั่วไปในกัมพูชา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการนัดประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (จีบีซี) ไทยและกัมพูชา สมัยวิสามัญ ที่โรงแรมอินโดจีน จ.สระแก้ว ไม่สามารถเริ่มขึ้นได้ โดยในช่วงเช้า เวลา 10.00 น. เป็นการหารือส่วนตัวระหว่าง พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กับ พล.อ.เตีย บันห์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของกัมพูชา จากนั้นได้เพิ่มผู้เข้าร่วมประชุมจาก 2 คน เป็นฝ่ายละ 5 คน ฝ่ายไทย ประกอบด้วย พล.อ.บุญสร้าง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก พล.ท.สุรพล เผื่อนอัยกา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ พล.ท.นิพัทธ์ ทองเล็ก เจ้ากรมกิจการชายแดนทหาร และนายวีระศักดิ์ ฟูตระกูล ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ และในช่วงบ่ายได้ลดลงเหลือฝ่ายละ 3 คน

ต่อมาเวลา 16.00 น. พล.ท.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แม่ทัพภาคที่ 1 เปิดเผยว่า ที่ประชุมมีอีก 1 ประเด็นที่จะต้องหารือ และเมื่อทั้งไทยและกัมพูชาได้ข้อสรุปร่วมกัน จะทำบันทึกความเข้าใจร่วมกัน เพื่อเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป เพื่อให้ความเห็นชอบ และจะมีการแถลงข่าวร่วมกันอีกครั้ง

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในเวลา 18.25 น. พล.อ.บุญสร้าง พร้อมด้วย พล.อ.เตีย บันห์ ร่วมกันแถลงข่าวผลการประชุมนอกรอบที่ใช้เวลากว่า 8 ชั่วโมง โดย พล.อ.บุญสร้าง ระบุว่า การประชุมครั้งนี้ไม่ใช่การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป แต่เป็นการประชุมวงเล็ก และยังไม่ได้ข้อยุติ เพราะมีปัญหาติดขัดในเรื่องกฎหมาย ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายต้องนำกลับไปรายงานให้ผู้ที่มีอำนาจในระดับสูงกว่านี้ตัดสินใจ และทั้ง 2 ฝ่ายจะไปกำชับสั่งการให้ทหารตรึงกำลังอยู่ในพื้นที่ตามแนวชายแดน โดยให้อยู่ด้วยความสงบ ไม่ใช้ความรุนแรง และจะไม่มีการเสริมกำลังและไม่เสริมอาวุธเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า การหารือในครั้งนี้ไม่ได้ล้มเหลว เพียงแต่ไม่ได้ข้อเสนอแนะที่จะเสนอรัฐบาลทั้ง 2 ฝ่าย

"ต่างฝ่ายต่างได้ประโยชน์ โดยมีสิ่งที่เป็นรูปธรรมในการหารือ คือ ต้องอยู่ในความสงบ ซึ่งหลังจากนี้กระทรวงการต่างประเทศจะทำรายงานส่งไปยังนายกรัฐมนตรี โดยผมไม่จำเป็นต้องเข้ารายงานนายกรัฐมนตรีด้วยตนเอง และหลังจากที่ต่างฝ่ายต่างไปรายงานและพิจารณาแล้ว จะมากำหนดเวลาประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปอีกครั้ง ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นหลังการเลือกตั้งทั่วไปในกัมพูชา" ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กล่าว

พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า ปัญหาที่ทำให้ไทยและกัมพูชาไม่สามารถหาข้อสรุปร่วมกันในวันนี้ได้ เนื่องจากถือแผนที่กันคนละฉบับ โดยไทยยึดถือแผนที่ของสหรัฐ ส่วนกัมพูชายึดถือแผนที่ของฝรั่งเศส จึงทำให้ไม่ลงตัว และทำให้ปัญหาอื่น ๆ ตกลงกันไม่ได้

ด้าน พล.อ.เตีย บันห์ ยืนยันว่า ได้ดำเนินการอย่างเต็มที่ และมีความก้าวหน้าในระดับหนึ่ง แต่ติดขัดด้านกฎหมายบางอย่าง จึงทำให้ไม่สามารถนำไปปฏิบัติเป็นรูปธรรมได้ และสิ่งที่ได้ทำความเข้าใจกันอย่างลึกซึ้ง คือ จะต้องพยายามหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าและเหตุรุนแรง ทั้งนี้ ยอมรับว่า อุณหภูมิความตึงเครียดระหว่าง 2 ประเทศยังไม่ลดลง และอยากแสดงความเป็นห่วงในเรื่องนี้ โดยต้องการให้อุณหภูมิความตึงเครียดลดลง และการหารือในครั้งนี้ได้ข้อยุติส่วนใหญ่เป็นเรื่องข้อกฎหมายเท่านั้น แต่ทำให้ไม่สามารถประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปอย่างเป็นทางการได้

ส่วนกรณีที่กัมพูชาส่งจดหมายไปยังองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชา กล่าวว่า ในระยะเวลาไม่กี่วันที่มีเหตุการณ์เกี่ยวข้องกับกรณีพิพาทปราสาทพระวิหารเกิดขึ้น จึงอยากหาวิธีทำให้ทุกอย่างจบลงด้วยความราบรื่น จึงใช้เวลาหารือในครั้งนี้มากมาย และพอใจกับผลที่ได้ แม้ว่าจะไม่สามารถนำไปปฏิบัติได้ก็ตาม และต่อไปต้องเดินหน้าสานต่อ ทั้งนี้ การยื่นหนังสือไปให้ยูเอ็น เพราะเป็นเหตุสุดวิสัยที่จะหาทางออก จึงต้องดำเนินการในสิ่งที่ควรทำ และปัญหาสถานการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างแนวชายแดน มีหน่วยงานของ 2 ฝ่ายดูแลอยู่แล้ว โดยเฉพาะเรื่องพื้นที่ทับซ้อน ขอยืนยันว่า การหารือที่ไม่ได้ข้อสรุปในวันนี้ จะไม่นำไปสู่ความรุนแรงระหว่าง 2 ประเทศอย่างแน่นอน. - สำนักข่าวไทยอัพเดตเมื่อ 2008-07-21 20:19:39

id 513 1601 176 sec 1 law

ผู้นำฝ่ายค้านให้ NBT พิจารณาให้รอบคอบก่อนให้เวลารัฐบาล



ประชาธิปัตย์ 21 ก.ค.- ผู้นำฝ่ายค้านขอให้ NBT พิจารณาให้รอบคอบ ก่อนให้เวลารัฐบาลจัดรายการใหม่ วันละ 1 ชั่วโมง ไม่เช่นนั้นควรให้เวลากับทุกฝ่ายอย่างเท่าเทียมกัน ขณะเดียวกัน ติงนายกรัฐมนตรีใช้สื่อของรัฐเป็นกระบอกเสียงทางการเมือง รอตรวจสอบว่าขัด รธน.หรือไม่
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ให้ความเห็นกรณีที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี มอบหมายให้นายวีระ มุสิกพงศ์ จัดรายการ "ความจริงวันนี้" เพื่อตอบโต้กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ผ่านทางสถานีโทรทัศน์กรมประชาสัมพันธ์ (NBT) ในเวลา 22.00 น. ทุกวัน ว่า รัฐบาลอยู่ในฐานะที่สามารถชี้แจงข้อเท็จจริงได้อยู่แล้ว เพราะในแต่ละวันรัฐบาลได้รับพื้นที่ข่าวมากพอสมควร

นายอภิสิทธิ์ เห็นว่า เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง และไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ หากต่อไปสถานีโทรทัศน์ของรัฐ ซึ่งเป็นของประชาชน ต้องมาเป็นกระบอกเสียงทางการเมือง ให้กับกลุ่มการเมือง หรือ พรรคการเมือง ส่วนจะขัดกับรัฐธรรมนูญหรือไม่ คงต้องตรวจสอบรายการก่อนว่า มีลักษณะและคำสั่งอย่างไร แต่เจตนาเท่าที่เห็นไม่ได้แสดงว่ารัฐบาลต้องการที่จะให้ NBT หรือสถานีโทรทัศน์ของรัฐ มีความเป็นกลาง หรือ มีความเป็นอิสระ

"นายกรัฐมนตรีพูดเสมอว่า ช่อง 11 เป็นอิสระ ขอแค่สัปดาห์ละ 1 ชั่วโมง เราเคยนึกว่า ท่านจะใช้ในฐานะนายกรัฐมนตรี ชี้แจงงานต่าง ๆ ที่ได้ทำ เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบ แต่กลายเป็นว่า เวลาตรงนี้ถูกใช้ในการตอบโต้ทางการเมือง และเวลานี้นายกรัฐมนตรีจะมาขอว่า แต่ละวันต้องมีอีก 1 ชั่วโมง ไม่น่าถูกต้องตามหลักการของสื่อ ที่ควรเป็นอิสระตามรัฐธรรมนูญ" นายอภิสิทธิ์ กล่าว

นายอภิสิทธิ์ เรียกร้องให้ NBT คิดให้ดีก่อน ไม่เช่นนั้นต่อไปนายกรัฐมนตรีเอ่ยปากขอ 1 ชั่วโมง ก็ต้องให้ หรือขอ 24 ชั่วโมง ก็ต้องให้ ขณะที่ ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน ได้ทำหนังสือถึงกรมประชาสัมพันธ์ว่า ทำไมจึงไม่จัดสรรเวลาให้ฝ่ายค้านบ้าง จนบัดนี้ยังไม่ได้รับคำตอบ จึงต้องการให้ NBT ทบทวน เพราะหากให้เปิดรายการเพิ่ม ก็ควรให้ทุกฝ่าย.-สำนักข่าวไทย

id 513 1601 176 sec 1 law

11 กรกฎาคม 2551

พล.ต.จำลอง เชื่อ พล.อ.ปฐมพงษ์ แต่งเครื่องแบบขึ้นเวทีพันธมิตรฯ ไม่บานปลาย



กรุงเทพฯ 12 ก.ค. – "พล.ต.จำลอง" ยืนยัน "พล.อ.ปฐมพงษ์" แต่งเครื่องแบบทหารขึ้นเวทีพันธมิตรฯ ถือเป็นเรื่องที่ถูกต้อง ในการแสดงจุดยืนปกป้องอธิปไตยของชาติ เชื่อ เหตุการณ์ไม่บานปลาย ขณะที่ โฆษกพันธมิตรฯ เชื่อภายใน 1-2 วันนี้ รวบรวมรายชื่อครบ 20,000 ชื่อ ยื่นประธานวุฒิฯ ถอดถอน ครม. เผย แกนนำพันธมิตรฯ เตรียมยื่นหนังสือถึง ป.ป.ช. 14 ก.ค.นี้ ให้ดำเนินคดีอาญา ครม.-ขรก.ที่เกี่ยวข้อง กรณีขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหาร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ ช่วงเช้าวันนี้ (12 ก.ค.) ว่า ยังคงมีแนวร่วมแกนนำพันธมิตรฯ ขึ้นเวทีปราศรัย โดยเน้นกรณีกัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก ที่เป็นผลมาจากการที่คณะรัฐมนตรีกระทำการขัดรัฐธรรมนูญ และขอให้ประชาชนร่วมกันลงชื่อให้ครบ 20,000 ชื่อ เพื่อยื่นถอดถอนคณะรัฐมนตรีต่อประธานวุฒิสภา

พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ ให้สัมภาษณ์ ถึงกรณีที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ตั้งคณะกรรมการสอบวินัย พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ ประธานคณะที่ปรึกษากองบัญชาการทหารสูงสุด ใส่เครื่องแบบทหารขึ้นเวทีพันธมิตรฯ ว่า ประชาชนหลายคนไม่พอใจกับการกระทำของรัฐบาล จึงต้องการให้มีการฟ้องร้องดำเนินคดีกลับ

พล.ต.จำลอง กล่าวว่า การที่ พล.อ.ปฐมพงษ์ ขึ้นเวทีพันธมิตรฯ เป็นเรื่องถูกต้อง ที่ทหารต้องแสดงจุดยืนในการปกป้องสถาบัน และอธิปไตยของชาติ จะนิ่งเฉยไม่ได้ อีกทั้ง ก่อนหน้านี้ พล.อ.ปฐมพงษ์ เคยทำหนังสือถึงผู้นำเหล่าทัพ ให้แสดงท่าทีต่อกรณีปราสาทพระวิหารแล้ว แต่กลับนิ่งเฉย จึงจำเป็นต้องมาขึ้นเวทีพันธมิตรฯ เพื่อแสดงออกถึงความอึดอัดใจต่อเรื่องที่เกิดขึ้น

ส่วนกรณีที่ พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ระบุว่า การสอบสวนวินัยร้ายแรง พล.อ.ปฐมพงษ์ ทำได้เพียงว่ากล่าวตักเตือน พล.ต.จำลอง กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว เพราะมีกฎข้อบังคับ ที่นักเรียนนายร้อยต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัดว่า เครื่องแบบทหารเป็นเรื่องของความสง่างาม ดังนั้น ไม่ว่าจะไปไหน การใส่เครื่องแบบไปด้วย ไม่ใช่เรื่องที่เสียหาย

"พล.อ.ปฐมพงษ์ได้ใส่เครื่องแบบทหารตามปกติขึ้นเวทีพันธมิตรฯ ไม่ใช่เครื่องแบบเต็มยศ จึงไม่มีอะไรที่น่าจะบานปลาย" พล.ต.จำลอง กล่าว

เมื่อถามว่า กรณีที่ พล.ท.พีระพงษ์ มานะกิจ รองโฆษกกระทรวงกลาโหม ระบุว่า การกระทำของ พล.อ.ปฐมพงษ์ อาจมีโทษจำคุก 5 ปี ทำให้มองว่ามีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องหรือไม่ พล.ต.จำลอง กล่าวว่า รองโฆษกกระทรวงกลาโหมมียศเพียงพลโท แต่ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรงของ พล.อ.ปฐมพงษ์ ต้องการถามว่าควรที่จะเชื่อใคร ส่วนจะมีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องหรือไม่ ตนไม่ทราบ

ด้าน นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรฯ กล่าวว่า หลังจากกลุ่มพันธมิตรฯ ได้รวบรวมรายชื่อประชาชนให้ครบ 20,000 ชื่อ เพื่อยื่นถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่กระทำการขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 190 เชื่อว่า ภายใน 1-2 วันนี้ จะได้รายชื่อครบ และจะยื่นต่อประธานวุฒิสภา และในวันที่ 14 กรกฎาคมนี้ เวลา 10.00 น. 5 แกนนำพันธมิตรฯ จะเดินทางไปสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อยื่นหนังสือให้ดำเนินคดีอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 119 และ 120 ให้เอาผิดกับคณะรัฐมนตรีทั้งคณะ และข้าราชการที่เกี่ยวข้อง อาทิ อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย อธิบดีกรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เนื่องจากทำให้ประเทศไทยต้องเสียดินแดน มีโทษจำคุกสูงสุดตลอดชีวิตจนถึงขั้นประหารชีวิต.-สำนักข่าวไทยอัพเดตเมื่อ 2008-07-12 12:18:37



ที่มา : สำนักข่าวไทย

id 513 1601 176 sec 1 law

พปช.ให้อำนาจ สมัคร ปรับ ครม.เต็มที่




สำนักข่าวไทย 12 ก.ค.- โฆษก พปช. เผย สมาชิกพรรคสนับสนุน “สมัคร สุนทรเวช” ปรับ ครม. ได้เต็มที่ ยืนยัน ไม่มีการวิ่งเต้น ชี้ รัฐมนตรีในรัฐบาลนี้ เหมือนทุกขลาภ ต้องเสียสละเพื่อประชาชน
ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกพรรคพลังประชาชน กล่าวถึง การปรับคณะรัฐมนตรีในส่วนพรรคพลังประชาชน ว่า สมาชิกพรรคทุกคนมอบให้เป็นอำนาจของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พิจารณาปรับได้เต็มที่ สมาชิกทุกคนสนับสนุนทุกวิถีทาง ยืนยันว่า ไม่มีการวิ่งเต้นสร้างปัญหาความขัดแย้งภายในพรรค และขอย้ำอีกครั้งว่า นายกรัฐมนตรีจะไม่ยุบสภา หรือลาออกแน่นอน

"อยากจะเชิญชวนใครที่คิดว่ามีฝีมือ ให้เข้ามาร่วมกันทำงาน แต่ต้องยอมรับว่า ตำแหน่งรัฐมนตรีเป็นเหมือนทุกขลาภ ใครมาทำงานตรงจุดนี้ ต้องเสียสละอย่างมาก และต้องทำเพื่อประชาชน อุ้มชูประชาธิปไตย ที่ประชาชนให้ความไว้วางใจกับรัฐบาลและพรรคให้ได้" ร.ท. กุเทพ กล่าว

ส่วนกรณีที่ฝ่ายค้านมองว่า นายกรัฐมนตรีเลือกที่จะยุบสภา หลังจากที่ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 ผ่านสภาฯ และแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารประจำปี เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ร.ท. กุเทพ กล่าวว่า ฝ่ายค้านมีสิทธิที่จะพูด แต่การคาดการณ์อะไร ที่ทำให้ผู้อื่นเกิดความเสียหาย ฝ่ายค้านก็ควรคิดไว้บ้างว่า ในวันข้างหน้า ถ้าเป็นรัฐบาล จะต้องยอมรับความจริง และรับฟังการวิจารณ์จากผู้อื่นได้

"การพูดจาของฝ่ายค้านในวันนี้ ผมอยากให้รับผิดชอบในคำพูดด้วย แม้จะมีสิทธิวิพากษ์วิจารณ์ ขอยืนยันว่า ตอนนี้พรรคพลังประชาชนต้องทำเพื่อส่วนรวมและประชาชน หนทางการยุบสภา หรือลาออก ไม่ใช่แนวทางที่จะทำ และพรุ่งนี้นายกรัฐมนตรี คงจะชี้แจงชัดเจนอีกครั้ง ในรายการ สนทนาประสาสมัคร" ร.ท.กุเทพ กล่าว .


-สำนักข่าวไทยอัพเดตเมื่อ 2008-07-12 12:23:33

id 513 1601 176 sec 1 law

“ปองพล” ดอดให้ข้อมูลประชาธิปัตย์




นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวว่า นายปองพล อดิเรกสาร ประธานคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก ได้นัดพบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และคณะทำงานของพรรค

ซึ่งมีประเด็นที่จะซักถามมาก โดยเฉพาะประเด็นการแจ้งให้คณะกรรมการมรดกโลก และฝ่ายต่างๆทราบถึงจุดยืนของประเทศไทยมากน้อยแค่ไหน รวมถึงการดูแลพื้นที่ร่วมกัน 7 ประเทศ ที่วิตกว่าจะเป็นพื้นที่ในไทยว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร

โดยนายปองพลได้ประสานผ่าน นายไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ คงอยากอธิบายให้ฟังว่าที่ไปดำเนินการมามีรายละเอียดอย่างไร

ซึ่งทางพรรคถือว่าเป็นประโยชน์มากว่าจะยื่นถอดถอนนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีคนอื่น ที่นอกเหนือจากนายนพดลได้หรือไม่ เพราะเอกสารที่ได้มามีปัญหา ได้รับเพียงสรุปมติ ครม. ไม่ได้ตัวรายละเอียดในการประชุมวันที่ 17 และ 24 มิ.ย. นอกจากนี้ยังอยากได้เอกสารที่ส่งจากกระทรวงการต่างประเทศและมติ ครม. วันที่ 27 พ.ค. ที่ย้อนไปรับรองการดำเนินการที่กรุงปารีส ซึ่งเราคงต้อง ไปติดต่อกระทรวงการต่างประเทศเอง


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสืงพิมพ์ ไทยรัฐ

id 513 1601 176 sec 1 law

พล.อ.บุญสร้าง ชี้โทษ พล.อ.ปฐมพงษ์ แค่ตักเตือน




ท่าอากาศยานทหาร 11 ก.ค.- "พล.อ.บุญสร้าง" เผยมอบรอง ผบ.ทหารสูงสุด พูดคุย "พล.อ.ปฐมพงษ์" กรณีแต่งเครื่องแบบทหารขึ้นเวทีพันธมิตรฯ ระบุบทลงโทษสูงสุดของนายทหารชั้นผู้ใหญ่ ทำได้เพียงว่ากล่าวตักเตือน ไม่สามารถปลดออกจากราชการ พร้อมแจ้ง รมว.กลาโหม เกี่ยวกับบทลงโทษนายทหารชั้นผู้ใหญ่

พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลงนามในคำสั่งให้กองบัญชาการกองทัพไทย ตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรง พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ ประธานคณะที่ปรึกษากองบัญชาการทหารสูงสุด กรณีแต่งเครื่องแบบทหารขึ้นเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ว่า ได้มอบหมายให้ พล.อ.อ.วีรวิท คงศักดิ์ รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด พูดคุยกับ พล.อ.ปฐมพงษ์ เพราะตามระเบียบวินัยทหาร บทลงโทษสูงสุดของนายทหารอัตราจอมพล ทำได้เพียงว่ากล่าวตักเตือนเท่านั้น เพราะถือว่าเป็นนายทหารชั้นผู้ใหญ่แล้ว ไม่สามารถปลดออกจากราชการ หรือย้ายให้ไปเป็นตำแหน่งประจำได้

ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กล่าวว่า หลังจากที่เกิดกรณีดังกล่าว พล.อ.ปฐมพงษ์ ไม่เคยโทรศัพท์มาชี้แจงใด ๆ กับตน และตนไม่เคยโทรไปหา พล.อ.ปฐมพงษ์ เพราะมอบหมายให้ พล.อ.อ.วีรวิท เป็นผู้ดำเนินการแล้ว และเชื่อว่าน่าจะมีการขอความร่วมมือไม่ให้ พล.อ.ปฐมพงษ์ ขึ้นเวทีพันธมิตรฯ อีก และคิดว่าทางกลุ่มพันธมิตรฯ น่าจะเข้าใจเรื่องนี้

ส่วนกรณีที่ พล.อ.ปฐมพงษ์ ยังเชื่อว่าสิ่งที่ดำเนินการไปนั้นถูกต้อง พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า ประเทศเราเป็นประชาธิปไตย ทุกคนมีสิทธิที่จะทำอะไรก็ได้ แต่การจะนำความคิดของตนมาชักชวนให้คนในกองทัพไปทำด้วยนั้น เป็นอีกเรื่องหนึ่ง อย่างไรก็ตาม เมื่อกองบัญชาการกองทัพไทยได้ดำเนินการเรื่องนี้แล้ว จะต้องเรียนให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมทราบ.


-สำนักข่าวไทยอัพเดตเมื่อ 2008-07-11 16:38:41

id 513 1601 176 sec 1 law

หนุ่ม ศรราม ขอโทษพันธมิตร




หนุ่ม ศรราม ขอโทษพันธมิตร

"หนุ่ม"ศรราม ว่าไม่คิดว่าการแสดงความคิดเห็นส่วนตัว จะกระทบความรู้สึก ทำให้เหลายๆฝ่ายไม่สบายใจ ต้องกราบขอโทษ และขอรับผิดไว้แต่เพียงผู้เดียว อย่างไรก็ตามไม่โกรธพันธมิตรฯ ที่ต่อต้าน ซึ่งคนในครอบครัว และคนใกล้ชิดห้ามไม่ให้แสดงความเห็นอีก

ถ้าขอโทษแล้วทุกอย่างจบ มันก็ดี แต่อิป้าเห็นว่าการที่ ศรราม จะแสดงความคิดเห็นอะไรก็เป็นสิทธิ์ของเค้า พันธมิตรไม่ควรไปขุดอะไรต่อมิอะไรมาถล่มครอบครัวเค้า ไม่ควรไปด่าเค้าแบบแรงๆ เพราะเรื่องแบบนี้มันอยู่ที่ตัวบุคคลจะชื่นชม หรือไม่ ก็ไปบังคับกันไม่ได้

ศรราม ขอโทษแล้ว ฝ่ายพันธมิตร ล่ะจะว่าไง จะยุติ กรณีนี้ได้หรือเปล่า ???

คนไทยเหมือนกัน โกรธกันไปทำไม ชาติกำลังเดือดร้อนรักๆ กันไว้เถอะนะ

id 513 1601 176 sec 1 law

'เหลิม'เชื่อต่อไป'นพดล'อาจนั่งนายกฯ-ไม่หวั่นถอดครม.



ที่โรงแรมเจริญศรีแกรนด์ จ.อุดรรธานี วันที่ 11 ก.ค. ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงการแถลงข่าวลาออกของนายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เมื่อวันที่ 10 ก.ค. ที่ผ่านมา และจะมีผลในวันที่ 14 ก.ค. ที่จะถึงนี้ว่า ไม่ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาล อีกทั้งยังถือเป็นการแสดงสปิริตเมื่อสังคมเกิดความสงสัย ทั้งนี้ ตนเห็นว่า นายนพดลอายุยังน้อย วันหน้าอาจกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีก็ได้ เพราะไม่ได้ทำอะไรผิด

นอกจากนี้ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวถึงกรณีสมาชิกวุฒิสภา 77 คน และพรรคประชาธิปัตย์จะยื่นถอดถอนคณะรัฐมนตรีทั้งคณะ ออกจากตำแหน่ง กรณีการลงนามในแถลงการณ์ร่วมการจดทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกของกัมพูชาว่า เป็นสิทธิอันชอบธรรมที่สามารถทำได้ เพราะการดำเนินการตามกฎหมายหากเห็นว่า รัฐบาลทำไม่ถูกต้อง ปฏิบัติหน้าที่มีเจตนาส่อไปในทางจงใจทุจริต หรือขัดต่อรัฐธรรมนูญ แต่ยืนยัน รัฐบาลไม่ได้เจตนาทำผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญ เนื่องจากฝ่ายกฎหมายของรัฐบาล และคณะกรรมการกฤษฎีกา และอธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย ได้ตรวจสอบแล้วว่า ทำได้ ไม่ได้เป็นสนธิสัญญาที่ต้องผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎร

ขณะที่บรรยากาศบริเวณหน้า โรงแรมเจริญศรีแกรนด์ ได้มีสมาชิกชมรมคนรักอุดรประมาณ 200 คน มาคอยให้กำลังใจรมว.มหาดไทย และป้องกันไม่ให้มีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยมาชุมนุมขับไล่ร.ต.อ.เฉลิม ให้ออกไปด้วย
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือมติชน

id 513 1601 176 sec 1 law

'นพดล'น้ำตาคลอเบ้าลงเก้าอี้ 'รมว.กต.'ยันไม่เคย'ขายชาติ'


ที่กระทรวงการต่างประเทศ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศนับร้อยคนมารอทำข่าวการแถลงของนายนพดล ที่ห้องวิเทศสโมสร จนทำให้ห้องแคบไปถนัดตา ทั้งนี้ พ.ต.อ.จิรภัทร โพธิ์ชนะพันธุ์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลพญาไทได้นำกำลังตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบมาดูแลความเรียบร้อยประมาณ 30 นาย จนเวลา 14.00 น. นายนพดลได้เดินมาจากห้องทำงาน พร้อม น.ส.ศิลัมพา เลิศนุวัฒน์ เลขานุการรัฐมนตรี นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง สมาชิกพรรคพลังประชาชน และอธิบดีจากหลายกรม
นายนพดลแถลงยืนยันว่า ที่ผ่านมาได้ทำงานด้วยความขยันขันแข็งและซื่อสัตย์สุจริต ได้ปกป้องไม่ให้ไทยเสียดินแดน พร้อมกับปฏิเสธข้อกล่าวหาเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน โดยยืนยันว่าได้ทำอย่างดีที่สุดแล้ว แต่น่าเสียดายและเสียใจที่มีการนำประเด็นมาปลุกเร้ากระแสชาตินิยมจนเกินสมควรจนเรื่องดังกล่าวกลายเป็นประเด็นการเมืองทั้งในและนอกสภาโดยไม่คำนึงถึงข้อเท็จจริงเพื่อหวังผลทางการเมือง อย่างไรก็ดีตนเคารพคำตัดสินของศาล และเห็นว่าเป็นคำวินิจฉัยที่จะเป็นกรณีศึกษาสำหรับผู้ที่สนใจต่อไป
''และแม้ว่าผมไม่ได้ทำอะไรผิดก็ตาม แต่ผมขอแสดงสปิริตและความรับผิด ชอบโดยการลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ตั้งแต่วันที่ 14 กรกฎาคม 2551 เป็นต้นไป'' นายนพดลกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่บอกว่า ''ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินด้วยอารมณ์ ไม่ได้ตัดสินด้วยเหตุผลหรือครับ และที่ท่านบอกว่าถ้าความผิดที่เกิดขึ้นนั้นได้ทำตามคำแนะนำของกรมสนธิสัญญา แสดงว่าการที่ท่านละเมิดรัฐธรรมนูญนั้นท่านโยนความผิดไปให้กรมสนธิสัญญาใช่หรือไม่'' นายนพดลตอบว่า ''คุณสุทิน (เอพี) หรือเปล่าครับ ผมไม่ได้พูดในบริบทที่คุณสุทินถาม ผมได้แถลงไปแล้วชัดเจนว่าเราได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ได้ปรึกษาหารือกับเพื่อนข้าราชการในกระทรวงโดยเฉพาะกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย แต่ในเมื่อศาลรัฐธรรมนูญตัดสินมาเช่นนี้เราก็ต้องเคารพนะครับ'' นายนพดลกล่าวถึงอนาคตทางการเมืองว่า คงจะไปเขียนหนังสือไปทำดิคชันนารีกฎหมาย ไปสอนหนังสือ ไปพัฒนาผลิตนักกฎหมายที่มีคุณภาพให้เพิ่มมากขึ้นครับ ส่วนที่ว่าได้คุยกับนายกฯหรือไม่ นายนพดลตอบว่า ''เป็นการตัดสินใจของผมเอง และผมได้กราบเรียนท่านนายกฯแล้วครับ จึงมาแถลง'' ทั้งนี้ ตลอดการแถลงข่าว นายนพดลมีน้ำเสียงเครือเป็นระยะ และน้ำตาคลอเบ้า


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน
id 513 1601 176 sec 1 law

'แม้ว' สวมกอด 'อุ๊งอิ๊ง' รับปริญญาน้ำตาคลอ




'แม้ว-อ้อ-โอ๊ค-เอม' ร่วมงานรับปริญญา 'อุ๊งอิ๊ง' เริงร่า สวมกอดน้ำตาคลอ 'แม้ว' ปิติ ลูกสาวเรียนจบ บอกเห็นใจเพราะต้องเรียนภายใต้แรงกดดัน แม้ไม่เท่าทีพ่อโดน บทซึ้งขอให้กำลังใจทุกฝ่าย รวมทั้ง 'หมัก' ฝ่าอุปสรรค ปัดไม่รู้ 'นพดล' ไขก๊อก




จากกรณีที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หรือ 'อุ๊งอิ๊ง' บุตรสาวพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรจากสมเด็จพระเทพ รัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องจากสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 15.30 น. คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ได้เดินทางถึงคณะรัฐศาสตร์ จากนั้นนายพานทองแท้ ชินวัตร น.ส.พิณทองทา ชินวัตร พล.ต.อ.เพรียวพันธุ์ ดามาพงศ์ นายบรรณพจน์ ดามพงศ์ ตลอดจนบรรดาอดีตแกนนำพรรคไทยรักไทยทยอยตามมาสมทบ เช่น พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ และนายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล


ต่อมา เมื่อเวลา 16.30 น. พ.ต.ท.ทักษิณ ได้เดินทางมาถึงคณะรัฐศาสตร์ โดยได้รออยู่ที่ร้านกาแฟบริเวณคณะ โดยผู้สื่อข่าวที่ตามสังเกตุการณ์อย่างใกล้ชิดได้ถามพ.ต.ท.ทักษิณว่า ได้มอบอะไรเป็นของขวัญให้บุตรสาว พ.ต.ท.ทักษิณตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ว่า 'BIG HUG' เพราะตอนที่เป็นนักการเมืองมีเรื่องมาก และลูกสาวเรียนรัฐศาสตร์ ก็เลยมีเรื่องการเมืองมากหน่อย ยิ่งตนเป็นนักการเมือง เลยต้องเรียนท่ามกลางชีวิตที่หนัก โดยเฉพาะช่วงปฏิวัติ เขาต้องเหนื่อยและใช้ความอดทนมาก




ผู้สื่อข่าวถามว่า 'อุ๊งอิ๊ง' เคยบ่นอะไรให้ฟังหรือไม่ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ไม่เคยบ่นกับตน เพราะรู้ว่าตนมีเรื่องมาก แต่บางทีเขาก็ไปพูดกับพี่ชาย เมื่อถามว่า ได้ให้กำลังใจกันอย่างไร พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า 'เขาคิดว่าสิ่งที่เขาโดน ยังเบากว่าสิ่งที่พ่อโดน เพราะพ่อโดนมากกว่าเยอะ ดังนั้นต้องอดทน ยอมรับว่า อุ๊งอิ๊ง เรียนท่ามกลางความกดดันมากๆ มีวันหนึ่งตอนขึ้นปี 2 มีรุ่นน้องมาถามว่า รู้สึกอย่างไรที่อาจารย์วิจารณ์คุณพ่อ อิ๊ง ก็บอกว่า ทีแรกทำใจไม่ได้ แต่ตอนหลังเข้าใจว่า คนที่เขาเรียกว่าพ่อ แต่คนอื่นเรียกว่า นายกฯ เป็นบุคคลสาธารณะ ต้องถูกวิจารณ์ได้ เขาก็เข้าใจ และอดทน



เมื่อถามว่า ได้ทราบข่าวการแถลงลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ของนายนพดล ปัทมะ แล้วหรือไม่ พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวเพียงว่า 'ไม่ทราบ'ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า ภายหลังพ.ต.ท.ทักษิณให้สัมภาษณ์เสร็จ เป็นจังหวะเดียวกับที่ น.ส.แพทองธาร เสร็จจากพิธีพระราชทานปริญญาบัตร และเดินกลับมาที่คณะพอดี เมื่อพ.ต.ท.ทักษิณเห็นหน้าบุตรสาว ก็ได้ยิ้มอย่างดีใจ พร้อมบอกว่า 'มาแล้วลูกรัก' พร้อมพุ่งเข้าไปสวมกอดลูกสาวทันที โดยคุณหญิงพจมาน นายพานทองแท้ และน.ส.พิณทองทา คอยยืนร่วมแสดงความดีใจอยู่ข้างๆ ทำให้ น.ส.แพทองธารถึงกับน้ำตาคลอเบ้า โดยพ.ต.ท.ทักษิณได้ลูบหัวบุตรสาวพร้อมกับบอกว่า 'เก่งมาก ๆ'


จากนั้นพ.ต.ท.ทักษิณและครอบครัว พร้อมด้วยอดีตแกนนำพรรคไทยรักไทย ได้ร่วมกันรูปแสดงความยินดีบริเวณอาคาร 'เกษม อุทยานิน' เป็นเวลา 20 นาที ท่ามกลางพ่อแม่ผู้ปกครองรวมทั้งนิสิตคนอื่นที่ให้ความสนใจมุงดูจำนวนมาก รวมถึงบรรดากองเชียร์ ที่เข้าร่วมแสดงความยินดี และมอบดอกไม้ อย่างไรก็ตาม การรักษาความปลอดภัยยังคงเป็นหน้าที่ของทีมรักษาความปลอดภัยประจำตัวพ.ต.ท.ทักษิณ แต่ไม่เข้มข้นมากนัก เพียงแต่มีการจัดระเบียบผู้เข้าให้กำลังใจให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยเท่านั้น


ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ก่อนเดินทางกลับ ผู้สื่อข่าวได้พยายามขอสัมภาษณ์พ.ต.ท.ทักษิณอีกครั้งว่า พ.ต.ท.ทักษิณได้ให้กำลังใจนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ที่กำลังเผชิญปัญหาการเมืองหรือไม่ ซึ่งพ.ต.ท.ทักษิณ ตอบว่า ยังไม่ได้เจอท่านเลย แต่ขอให้กำลังใจทุกฝ่าย เพื่อให้บ้านเมืองเรียบร้อย เมื่อถามว่า สถานการณ์การเมืองขณะนี้ จำเป็นต้องปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อลดแรงกดดันหรือไม่ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ไม่ทราบ ต้องไปถามนายสมัคร วันนี้ถามเรื่องลูกสาวได้เรื่องเดียว เรื่องอื่นไม่รู้เรื่อง จำอะไรไม่ค่อยได้แล้ว


ทั้งนี้ ก่อนกลับ มีนิสิตคณะรัฐศาสตร์นำน้ำดื่มมาขอให้พ.ต.ท.ทักษิณช่วยซื้อ เพื่อนำเงินไปสมทบทุนคณะ โดยพ.ต.ท.ทักษิณได้ซื้อน้ำเปล่า 2 ขวด โดยมอบเงินให้ 2,000 บาท โดยไม่รับเงินทอนอีกด้วย



ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน
id 513 1601 176 sec 1 law