31 สิงหาคม 2551

เผาเรือนนอน แหกบ้านกักกัน 200เยาวชนเผ่นหนี ปากน้ำล่าอลหม่าน!



แหกคุกเด็ก- ผู้ต้องขังเยาวชนภายในสถานพินิจบ้านกรุณา อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ก่อจลาจลกลางดึก แหกรั้วหนีออกไป 218 คน ตร.ส่งฮ.พร้อมระดมกำลังตามจับได้จำนวนมาก ยังเหลืออีก 40 กว่าคนที่หนีอยู่เยาวชนบ้านกรุณาเผาเรือนนอน-แหกสถานพินิจสมุทรปราการหนีไปกว่า 200 คน พฤติกรรมใช้รถเข็นกระแทกรั้วจนพังแล้วแยกย้ายกันหลบหนี ตร.บางพลีนำกำลังอาสาสมัครกว่า 150 นายติดตามจับตัว พร้อมขอกำลังเฮลิคอปเตอร์ไล่ล่าอีกทาง เบื้องต้นจับมาได้ 176 คน ยังเหลืออีก 42 คน เตรียมประสานผู้ปกครองนำตัวส่งคืนเมื่อเวลา 22.00 น. วันที่ 30 ส.ค. พ.ต.ท.บัลลังก์ โพธิ์ทอง สว.เวร สภ.บางพลี จ.สมุทรปราการ รับแจ้งว่ามีเด็กและเยาวชนภายในศูนย์ฝึก และอบรมเด็กและเยาวชนบ้านกรุณา หมู่ที่ 14 ต.บางปลา อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ก่อเหตุจลาจลเผาเรือนนอน และหลบหนีออกมาที่ด้านนอกอาคาร หลังรับแจ้งจึงรุดไปสอบสวนทราบว่าภายในสถานพินิจดังกล่าวมีเด็กทั้งหมด 754 คน โดยกลุ่มที่หลบหนีได้ใช้รถเข็นในครัวกระแทกรั้ว ซึ่งเป็นตาข่ายเหล็กจนฉีกขาด ก่อนจะหลบหนีไปได้จำนวน 218 คน นอกจากนี้ผู้หลบหนียังหยิบมีดที่ใช้ทำครัวไปด้วยจำนวน 18 ด้าม เพื่อเป็นอาวุธในการหลบหนีด้วยต่อมานายอนุวัฒน์ เมธีวิบูลวุฒิ ผู้ว่าฯสมุทรปราการ เดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมกับเปิดเผยว่าเด็กเยาวชนดังกล่าวหลบหนีออกจากบ้านกรุณา 2 ชุด โดยชุดแรกหลบหนีไปก่อน 22 คน และชุดที่ 2 ก่อหวอดรวมตัวก่อนจะจุดไฟเผาภายในโรงนอน และทุบประตูเหล็กภายในโดยใช้รถเข็นทำครัวกระแทกประตูจนฉีกขาด แล้วหลบหนีไปอีก 199 คน รวม 218 คน แต่ทางเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ทันจึงทำให้เสียหายเพียงเล็กน้อยเท่านั้น โดยเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตามจับกุมกลับมาได้แล้ว 16 คน และระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งจากสภ.บางพลี สภ.บางปู สภ.บางเสาธง และสภ.บางบ่อ พร้อมกับประสานงานกับกำนัน-ผู้ใหญ่บ้านประชาชนที่อยู่ใกล้เคียง และรถส่องสว่างจากมูลนิธิต่างๆ เข้าร่วมค้นหา นอกจากนี้นายอนุวัฒน์ได้ประสานขอเฮลิคอปเตอร์จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อออกติดตามและกดดันกลุ่มเยาวชนเนื่องจากจุดที่เยาวชนหลบหนีไปเป็นป่าหญ้าเวลา 01.30 น. วันที่ 31 ส.ค. พล.ต.ต.วิทยา ประยงค์พันธุ์ ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจภ.จว.สมุทรปราการ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อาสาสมัคร จำนวนกว่า 150 นาย เดินทางมาถึงที่เกิดเหตุ และกระจายกำลังกันค้นหาเยาวชนที่ยังคงหลบซ่อนตัวอยู่ด้านหลังศูนย์ฝึก มีเนื้อที่กว่า 150 ไร่ และประสานกำลังตำรวจในเขตพื้นที่ใกล้เคียงช่วยกันตั้งด่านสกัดจับกุมตามจุดต่างๆ ของพื้นที่เวลา 01.40 น. เฮลิคอปเตอร์ของกองบินตำรวจเดินทางมาถึงที่เกิดเหตุและได้บินค้นหา และเมื่อเห็นตัวเยาวชนที่หลบหนีก็ประสานกับตำรวจทางภาคพื้นดินให้ทราบพิกัดก่อนเข้าไปควบคุมตัว ซึ่งผลการค้นหาของเฮลิคอปเตอร์สามารถควบคุมเยาวชนกลับมาได้ครั้งละ 5-10 คน จึงควบคุมตัวส่งมาควบคุมและสอบสวนที่ศูนย์ฝึก กระทั่งเวลา 09.00 น. เฮลิคอปเตอร์ยกเลิกการค้นหาเนื่องจากน้ำมันใกล้หมด ประกอบกับคาดว่าเยาวชนที่เหลือส่วนใหญ่หลบหนีออกนอกพื้นที่ที่ทางตำรวจปิดล้อมเอาไว้ได้แล้ว ซึ่งรวมเยาวชนที่สามารถจับกุมตัวกลับมาได้แล้วจำนวน 176 คน ยังคงหลบหนีอยู่อีกจำนวน 42 คน ตำรวจจึงเปลี่ยนแผนการค้นหาโดยการตรึงกำลังไว้ส่วนหนึ่ง ในขณะที่ส่วนหนึ่ง นำประวัติของเยาวชนที่ยังหลบหนีมาดู และเดินทางไปที่บ้านของเด็กคนนั้นเพื่อพูดคุยกับผู้ปกครองขอให้นำเด็กมามอบตัวกับตำรวจ หากเด็กติดต่อหรือกลับมาหาที่บ้านส่วนสาเหตุของการก่อเหตุก่อนที่จะหลบหนีออกมาจากสถานที่ดังกล่าว ในเบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ของบ้านกรุณายังไม่สามารถเปิดเผยได้ว่ามาจากสาเหตุใด ซึ่งหลังจากที่นำตัวเยาวชนทั้งหมดกลับมาแล้วจะได้นำตัวมาสอบสวนเพื่อหาสาเหตุของการก่อเหตุต่อไป



Nan_Zaa Sec 1 ID:5131601171

พธม.รุกอีก-ลุ้นวันนี้ ตัดน้ำ-ไฟ! นปก.ระดมจี้จับ9แกน


ยึดสนามหลวง จนกว่าจะเข้าคุก กฟผ.-ประปาฮึ่ม หยุดงานทั่วปท. "หมัก"ต้องลาออก
ระดมส้วม- ม็อบพันธมิตรฯ สั่งส้วม น็อกดาวน์ ซึ่งเป็นส้วมสำเร็จรูปพร้อมโถชักโครก มาให้บริการผู้ชุมนุม โดยตั้งไว้ในทำเนียบรัฐบาล และตามข้างถนนรอบๆ ทำเนียบฯ หลังจากก่อนหน้านี้มีข่าวขาดแคลนส้วมจนทำเนียบฯส่งกลิ่นม็อบนปก.ระดมพลหลายพัน เคลื่อนทัพจากสนามหลวงมาหน้าสภา ให้กำลังใจ "หมัก"สนับสนุนรัฐบาลเปิด 2 สภาดับวิกฤต เดินเท้าเฉี่ยวเฉียดจุดชุมนุมพันธมิตรฯ ท่ามกลางสถานการณ์ระทึก แต่ได้แค่ตะโกนด่าทอกันไปมา ไม่มีปะทะรุนแรง "หมัก"หน้าเครียดไปออก"สนทนาประสาสมัคร" ยันไม่ออก ไม่ยุบสภา ไม่ถอดใจ ขอทำหน้าที่รับผิดชอบดับวิกฤตบ้านเมือง ก่อนอารมณ์ดีหัวเราะร่าไปซื้อของตลาดอ.ต.ก.จนเงินหมดกระเป๋า พันธมิตรฯระดมส้วมน็อกดาวน์ชักโครกอย่างดี 50 ห้องตั้งรอบทำเนียบ แก้วิกฤตปลดทุกข์ได้ยากและเหม็น "ยะใส"ประกาศรัฐบาลเปิด 2 สภานัดพิเศษแค่ยื้อเวลา ขู่ลั่นต้องลาออกใน 1-2 วันนี้มิฉะนั้นจะใช้มาตรการกดดันขั้นเด็ดขาด แฉ"หมัก"ไม่ลาออก เพราะกลัวล้มละลายทางการเมืองเหมือน"จิ๋ว" ขู่พรรคร่วมถ้าไม่หนุนก็ทิ้งไพ่ยุบสภาไปเลือกตั้งกันใหม่ แกนนำนปก.ประกาศชุมนุมสนามหลวงจนกว่าแกนนำพันธมิตรผู้ต้องหากบฏจะติดคุก-ม็อบนอนค้างทำเนียบกว่า 2 พันเมื่อวันที่ 31 ส.ค.ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย วันที่ 6 ที่บุกยึดทำเนียบรัฐบาลว่า มีผู้ชุมนุมกว่า 2,000 คนปักหลักค้างคืนมาตั้งแต่วันที่ 26 ส.ค. โดยมีผู้ชุมนุมทยอยเข้ามาบริเวณสนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้าอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เช้า การ์ดพันธมิตรฯ ออกเดินตรวจตราบริเวณโดยรอบ หลังจากมีข่าวว่ากลุ่ม นปก. จะเข้ามาก่อกวน อย่างไรก็ตามกลุ่มผู้ชุมนุมประสบปัญหาหนักเรื่องห้องสุขา จึงแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าโดยนำผ้าใบขึงเป็นห้องน้ำอเนกประสงค์ เพื่อใช้อาบน้ำ และปัสสาวะเท่านั้น บริเวณข้างตึกนารีสโมสร บริเวณซอกด้านหลังบันไดทางขึ้นหลังตึกไทยคู่ฟ้า กั้นเป็นห้องน้ำหญิงชายอย่างละครึ่ง โดยมีอาสาสมัครคอยราดน้ำลงตามร่องระบายน้ำรอบตึก ให้ไหลลงคลองกั้นระหว่างตึกไทยคู่ฟ้ากับตึกสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีนอกจากนี้ด้านข้างตึกสันติไมตรี ฝั่งติดธนาคารกรุงไทย สาขาย่อยทำเนียบรัฐบาล พันธมิตรฯ กั้นเป็นบริเวณซักล้างและอาบน้ำสำหรับผู้ชาย ขณะที่เครื่องปั่นไฟ ด้านหลังตึกสันติไมตรี ฝั่งตรงข้ามกับสำนักงานก.พ. กั้นเป็นห้องน้ำเช่นกัน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนชั่วคราวไปก่อน ส่วนบริเวณรอบนอกทำเนียบมีการรถสุขาเคลื่อนที่เอกชนจาก จ.สระบุรี มาช่วยหลายจุด พร้อมจุลินทรีย์ดับกลิ่นอีก 1 คันรถกระบะ ขณะที่ห้องสุขาบนตึกบัญชาการอยู่ในสภาพสกปรก ใช้การไม่ได้และส่งกลิ่นเหม็นไปทั่วบริเวณ-ประกาศใครอยู่ในอาคารให้ลงมาจากนั้นเวลา 09.00 น.แกนนำประกาศเรียกผู้ชุมนุมที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ตำรวจสลายการชุมนุมที่สะพานมัฆวานฯ กับที่หน้าบช.น. มารวมตัวกันที่เต็นท์หน้ากองทัพธรรม บริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ เพื่อไปแจ้งความที่ สน.ดุสิต และ สน.นางเลิ้งพล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ขึ้นบนเวทีกล่าวกับผู้ชุมนุมว่า ขอประกาศให้ผู้ชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ ที่เข้าไปพักตามอาคารต่างๆ ในทำเนียบรัฐบาล และอ้างว่าแกนนำให้เข้าไปได้นั้นไม่เป็นความจริง อย่าเข้าไป หากเกิดความสกปรก ทรัพย์สินสูญหาย หรือใครแอบจุดไฟเผา กลุ่มพันธมิตรฯ จะถูกกล่าวโทษและพ่ายแพ้ทันที การที่ผู้ชุมนุมเข้าไปตามตึกต่างๆ เป็นแค่เข้าไปตามความจำเป็น เป็นครั้งคราวเท่านั้น แต่ตอนนี้หากใครยังอยู่บนอาคารแล้วไม่ออกมา ถือว่าไม่ใช่พวกเรา ขอให้ลงมาข้างล่างให้หมด เพราะตอนนี้มีเต็นท์ให้พักแล้วจำนวนมาก นอกจากนี้ทราบว่ามีนายตำรวจใหญ่สั่งการให้เตรียมสลายผู้ชุมนุม แต่ไม่ต้องตกใจ ขอให้ฟังแกนนำอย่างเดียว-ฟัง"สมศักดิ์"สั่งคนเดียวเคลื่อนม็อบนายพิภพ ธงไชย แกนนำอีกคนกล่าวว่า แกนนำพันธมิตรฯ มีมติให้นายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตรฯ เป็นผู้สั่งการคนเดียวในการนำผู้ชุมนุมเคลื่อนย้ายไปที่ต่างๆ ยืนยันว่าแกนนำ 9 คนที่ถูกข้อหากบฏจะไม่ถอย จะยอมตาย ขอให้ทุกคนเชื่อมั่นพลังสันติวิธี ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปขอให้ทุกคนเอาอาวุธสันติวิธีออกมาใช้ มาร่วมชุมนุมมากๆ และหยุดงานจนรัฐบาลเป็นอัมพาต อย่าสนใจคนอย่างนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย เพราะเป็นแค่นักฉวยโอกาสขณะที่นายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ กล่าวว่า เมื่อคืนวันที่ 30 ส.ค.มีพวกนรกป่วนกรุงไปชุมนุมที่สนามหลวง เพราะมีการปั่นหัวที่หัวหมาก เพื่อเคลื่อนมาลุยกลุ่มพันธมิตรฯ ที่สะพานมัฆวานฯ แต่พอรู้ว่ากลุ่มพันธมิตรฯ เตรียมรับมือจึงไม่กล้ามา แต่หันไปจ้างมอเตอร์ ไซค์รับจ้าง 200 คัน คันละ 1,000 บาท โดยไม่รู้ว่ามอเตอร์ไซค์รับจ้างเป็นพวกพันธมิตรฯ แต่ทุกคนอย่าประมาท แม้พรรคร่วมรัฐบาลจะประกาศไม่ลาออก พันธมิตรฯ จะไล่ต่อไป นายบรรหารผู้เฒ่าปลาไหลใส่สเกต ยังมีหน้ามาพูดว่าธรรมะต้องชนะอธรรม ทั้งที่นายบรรหารไม่เคยเข้าวัด ถ้านายกฯ ไม่ลาออกสหภาพแรงงานจะหยุดงานไม่มีกำหนด-ไม่ใช่ตร.จะเอาแก๊สน้ำตามาจากไหนต่อมาเวลา 10.00 น. พล.ต.จำลอง นายสมศักดิ์ และนายพิภพ ร่วมกันแถลงข่าว โดยพล.ต.จำลองกล่าวถึงรัฐสภาจะเปิดประชุมสภานัดพิเศษวันเดียวกันนี้ว่า หากรัฐสภามีมติอย่างไร กลุ่มพันธมิตรฯ จะมาหารือกันอีกครั้งว่ามติที่ออกมาแก้ปัญหาได้หรือไม่ ส่วนที่ตำรวจปฏิเสธไม่ได้ยิงแก๊สน้ำตาสลายผู้ชุมนุมที่บช.น.นั้น ไม่จริง ชาวบ้านจะหาซื้อแก๊สน้ำตาจากที่ใด ตำรวจต้องการแสดงให้เห็นว่ามีอำนาจเพื่อให้ประชาชนกลัวและหนีไปผู้สื่อข่าวถามว่าหากนายกฯ ยอมลาออก กลุ่มพันธมิตรฯ มีเงื่อนไขหรือไม่ว่านายกฯ คนต่อไปต้องไม่ใช่คนของพรรคพลังประชาชน พล.ต. จำลองกล่าวว่า เป็นเรื่องอนาคต ไม่อยากพูดอะไรล่วงหน้า เมื่อถามว่านายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ ระบุกับผู้สื่อข่าวต่างประเทศว่าพรรคประชาธิปัตย์เหมาะสมเป็นรัฐบาลต่อไป พล.ต.จำลองกล่าวว่า นายสนธิไม่ได้พูดเช่นนั้น แต่เป็นการคาดว่าถ้าพรรคนี้ไม่ได้เป็นรัฐบาลแล้ว พรรคที่มีเสียงข้างมากรองลงมาคือพรรคประชาธิปัตย์น่าจะได้เป็นรัฐบาล ไม่ได้หมายความว่าพรรคประชาธิปัตย์ต้องเป็นรัฐบาล เราไม่ได้ตั้งกลุ่มพันธมิตรฯ มาเพื่อสนับสนุนพรรคใด-ประชาชนกับประเทศจะเลือกอะไรเมื่อถามว่ากลุ่มพันธมิตรฯ จะรับผิดชอบอย่างไร ในการที่รัฐวิสาหกิจหยุดงานจนประชาชนทั่วประเทศเดือดร้อน พล.ต.จำลองกล่าวว่า ถ้ารัฐบาลลาออกประชาชนก็หายเดือดร้อน ผลกระทบที่ประชาชนเดือดร้อนกับประเทศต้องเสียหายใหญ่โต อันไหนเสียหายกว่ากัน ถ้ารัฐบาลกลัวประชาชนเดือดร้อนต้องลาออก ถ้าเป็นประเทศอื่นรัฐบาลลาออกไปแล้ว มีแต่รัฐบาลนี้ที่หน้าทน ต่อให้ตนตายไปแล้ว 50 ปีคงไม่เจอเหตุการณ์แบบนี้ ถ้าประชาชนไม่เดือดร้อนจริงๆ คงไม่ออกมาชุมนุมจำนวนมากแบบนี้ ส่วนที่กลุ่ม นปก.ระดมพลมาชุมนุมต่อต้านนั้นถือเป็นแก๊งอันธพาลที่รัฐบาลจ้างมาป่วน ตอนนี้พบน้ำมันเบนซินตามอาคารต่างๆ ในทำเนียบ เพื่อกล่าวหาว่าเป็นฝีมือของกลุ่มพันธมิตรฯ ส่วนปัญหาสุขอนามัยภายในทำเนียบนั้น ยอมรับว่ามีปัญหาจริง แต่เราต้องทนอยู่ ด้านนายสมศักดิ์กล่าวว่า จุดยืนของกลุ่มพันธมิตรฯ คือไม่เห็นด้วยกับการแก้รัฐธรรมนูญและรัฐบาลต้องลาออก ถ้ารัฐบาลไม่ลาออกกลุ่มพันธมิตรฯ จะชุมนุมต่อไป และจะเพิ่มมาตรการเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะสหภาพรัฐวิสาหกิจจะนัดหยุดงานแบบไม่มีกำหนด จนกว่ารัฐบาลจะลาออก ล่าสุดสหภาพท่าเรือปิดอ่าวจนเรือไม่ได้ออกจากอ่าวขณะที่นายพิภพกล่าวว่า อยากตั้งข้อสังเกตถึง รมว.มหาดไทยและ ผบ.ตร.ว่า ตั้งใจใช้ความรุนแรงสลายการชุมนุมเพื่อให้เกิดความรุนแรง จะได้ประกาศใช้กฎอัยการศึก หรือพ.ร.ก.ฉุกเฉินมาปราบประชาชน แต่ทหารไม่ยอม เพราะไม่อยากเผชิญหน้ากับประชาชน เพื่อป้องกันนักการเมืองชั่ว และรัฐบาลนี้ยังเป็นรัฐบาลแรกที่ตั้งกลุ่มประชาชนมาตีประชา ชนด้วยกันเอง เพื่อรัฐบาลจะได้ลอยตัว-ระทึกม็อบนปก.เคลื่อนไปสภาช่วงเวลา 10.30 น.ผู้ชุมนุม นปก.เดินทางโดยรถบัส 3 คันมาหยุดพักบริเวณลานพระบรมรูปทรงม้าประมาณ 15 นาที ก่อนมุ่งหน้าไปชุมนุมหน้าสภาเพื่อให้กำลังใจนายกฯ โดยทันทีที่กลุ่มพันธมิตรฯ ทราบข่าวก็ตั้งแนวกำลังหลังรั้วลวดหนามหน้ากองทัพภาคที่ 1 เพื่อป้องกันกลุ่มนปก. จากนั้นเวลา 10.45 น. พ.ต.อ.สนทยา แสนเภา ส.ว.สรรหา เดินทางมาให้กำลังใจกลุ่มพันธมิตรฯ ที่หน้าแนวรั้วกองทัพภาคที่ 1 โดยกล่าวว่า ไม่อยากเห็นการใช้ความรุนแรงไม่ว่าจะเป็นกลุ่มรัฐบาลหรือพันธมิตรฯ ตนมาชุมนุมกับพันธมิตรฯ หลายครั้งแล้ว ไม่อยากเห็นฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดบาดเจ็บ เพราะทำให้ประเทศชาติเสียหายก่อนหน้านี้เวลา 10.00 น.นายข้าพุทธ ขาวดารา ทนายความพันธมิตรฯ นำผู้ชุมนุมที่บาดเจ็บจากเหตุการณ์วันที่ 29 ส.ค. จำนวน 45 ราย เข้าแจ้งความที่ สน.ดุสิต โดยมีพ.ต.ท.รุ่งเพชร เมฆี รับแจ้งความ แบ่งกลุ่มผู้บาดเจ็บเป็น 3 กลุ่ม จากการปะทะที่แยกสวนมิสกวัน และประตู 5 เป็นชุดที่ 1 ส่วนชุดที่ 2 จุดปะทะบริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ และหน้าบช.น. เป็นชุดที่ 3 ทั้งนี้ พ.ต.อ.สมชาย เชยกลิ่น ผกก.สน.ดุสิต ระดมพนักงานสอบสวนจาก สน.อื่นมาช่วยสอบปากคำ เนื่องจากผู้เสียหายมีจำนวนมาก เบื้องต้นพนักงานสอบสวนส่งตัวผู้บาดเจ็บทั้งหมดไปตรวจร่องรอยที่วชิรพยาบาลก่อนสอบปากคำ เบื้องต้นยังไม่แจ้งข้อหากับใคร รอสอบสวนแล้วเสร็จ เวลา 11.30 น.บริเวณหน้าบช.น. กลุ่มนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยรามคำแหง นำโดยนายจุมพล แพรกม่วง นายกองค์การนักศึกษา และนายชลิต พิศวง รักษาการประธานนักศึกษา มอบจดหมายให้กำลังใจตำรวจ ต่อมามีชาวนครปฐมประมาณ 350 คน นำโดยนายเพยา เนตรแก้ว นายกอบจ. นครปฐม นายวิสูตร จันทน์ประเสริฐ ประธานสภา อบต.นครปฐม นำกุหลาบและข้าวหลาม 400 กระบอกมามอบให้ตำรวจ โดยมีพล.ต.ต.สุพร พันธุ์เสือ รองผบช.น. โฆษก บช.น.รับมอบ-นปก.หลายพันปิดถนนยึดหน้าสภาส่วนการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) ซึ่งปักหลักอยู่ที่สนามหลวง ตั้งแต่คืนวันที่ 30 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเวลา 07.00 น.ผู้ชุมนุมทยอยเดินทางไปชุมนุมหน้ารัฐสภา ถนนอู่ทองใน เพื่อให้กำลังใจนายกฯ ครม. และส.ส.รัฐบาลที่จะประชุมร่วมสองสภาช่วงบ่ายวันเดียวกัน ขณะที่กลุ่ม นปก.ประมาณ 50 คนเดินผ่านถนนนครราชสีมา หน้าคุรุสภา ซึ่งเป็นพื้นที่ใกล้กับที่กลุ่มพันธมิตรฯ ปักหลักอยู่ข้างคลองผดุงกรุงเกษม ฝั่งกระทรวงศึกษาธิการ ปรากฏว่าทั้งสองฝ่ายตะโกนด่าด้วยถ้อยคำหยาบคายและท้าทายกันไปมา แต่ไม่มีการกระทบกระทั่ง ก่อนที่กลุ่ม นปก.จะไปถึงหน้ารัฐสภา เพื่อสมทบกับพรรคพวกที่มาปักหลักก่อนหน้าแล้วประมาณ 2,000 คนจากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุม นปก.นำรั้วเหล็กปิดกั้นถนนอู่ทองใน บริเวณด้านหลังพระที่นั่งอนันตสมาคม และปิดแยกเขาดิน ทำให้รถยนต์และรถโดยสารต่างๆ ไม่สามารถขับผ่านหน้ารัฐสภาได้ นอกจากนี้ด้านหน้ารัฐสภาตำรวจจัดกำลัง 2 กองร้อยดูแลความปลอดภัย นำรั้วเหล็กมากั้นตลอดแนวหน้ารัฐสภา ส่วนด้านในมีกำลังตำรวจหน่วยอรินทราชและ ตชด.ประมาณ 1 กองร้อยมาดูแล-ประกาศขู่ยึดบ้านพระอาทิตย์นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข แกนนำ นปก.รุ่น 2 ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้ผู้ชุมนุม นปก.จะปักหลักให้กำลังใจรัฐบาลหน้ารัฐสภา จะไม่เคลื่อนไปจุดใด จากนั้นเวลา 15.00 น.จะเคลื่อนกลับไปสมทบกับผู้ชุมนุมที่ปักหลักอยู่สนามหลวง การมาสภาวันนี้เพื่อให้ฝ่ายนิติบัญญัติทำหน้าที่ต่อไป และไม่ต้องการให้นายกฯ ลาออกหรือยุบสภา รวมทั้งสนับสนุนรัฐบาลทำงานต่อไป และให้ฝ่ายค้านทำหน้าที่ตรวจสอบต่อไป ยืนยันว่าหากรัฐบาลชุดนี้ล้มลงและจัดตั้งรัฐบาลใหม่ กลุ่มนปก.จะออกมาชุมนุมและคัดค้านเช่นกัน นอกจากนี้ประชาชนที่มาวันนี้บางส่วนไม่พอใจที่มีบุคคลบางกลุ่มออกมากดดันและปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มผู้ชุมนุมตั้งเวทีปราศรัยชั่วคราวหน้ารัฐสภาฝั่งเขาดิน โดยมีแกนนำสลับกันปราศรัยโจมตีพันธมิตรฯ พรรคประชาธิปัตย์ และองค์กรอิสระต่างๆ อาทิ ป.ป.ช. โดยนายสมยศปราศรัยว่า การชุมนุมครั้งนี้ไม่ได้รับเงินบริจาคหรือเงินสนับสนุนจากฝ่ายใด แต่มาต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจประชาธิปไตย การชุมนุมวันนี้อาจมีทีเด็ด นปก.จะยึดที่ใดที่หนึ่งบริเวณใกล้เคียงกับสนามหลวง อาจเป็นบ้านพระอาทิตย์เวลา 10.00 น.กลุ่มผู้ชุมนุมประมาณ 300 คนเคลื่อนจากหน้ารัฐสภาไปยังหน้าบช.น.เพื่อให้กำลังใจตำรวจ ขณะผ่านแยกลานพระบรมรูป เจอกลุ่มพันธมิตรฯ ทำให้ทั้งสองกลุ่มตะโกนโห่และต่อว่ากันด้วยถ้อยคำหยาบคาย แต่ไม่มีการใช้กำลังใดๆ -ส.ส.พปช.ขึ้นเวทีร่วมปราศรัยเวลา 11.50 น.นายสุชาติ ลายน้ำเงิน ส.ส. ลพบุรี พรรคพลังประชาชน ขึ้นปราศรัยบนเวทีนปก.ว่า อยากให้ส.ส.พรรคพลังประชาชนออกมาแสดงพลังประชาธิปไตย ที่ตนขึ้นครั้งนี้เพราะส.ส. ฝ่ายค้านไปให้กำลังใจพันธมิตรฯ ได้ ทำไมส.ส. พรรคพลังประชาชนจะให้กำลังใจนปก.บ้างไม่ได้ ยืนยันว่ารัฐบาลและนายกฯ จะไม่ลาออกและจะไม่ยุบสภาจากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมปรบมือและนำดอกไม้มอบให้นายสุชาติและตำรวจหน้ารัฐสภา ต่อมาเวลา 13.30 น.นายประชา ประสพดี นายประเสริฐ ชัยกิจเด่นนภาลัย ส.ส.สมุทรปราการ และนายสุรเชษฐ์ ชัยโกศล ส.ส.อยุธยา พรรคพลังประชาชน ขึ้นกล่าวบนเวทีเนื้อหาส่วนใหญ่ยืนยันว่ารัฐบาลจะทำงานต่อไป ไม่ยุบสภา ไม่ลาออก และยึดมั่นในระบอบประชาธิป ไตย
ที่พักอาศัย- สภาพอันรกรุงรังของทำเนียบรัฐบาล ที่ทำงานของนายกรัฐมนตรีและครม. ถูกม็อบพันธมิตรฯยึดเป็นที่พักอาศัยแบบยืดเยื้อ พอแดดออกดี ก็มีการซักเสื้อผ้ามาตากตามพุ่มไม้และเชือกที่ขึงเป็นราวตากผ้าผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่กลุ่ม นปก.ชุมนุมอยู่หน้ารัฐสภานั้น นางลีน่า จัง มาขอร่วมชุมนุมด้วยแต่กลุ่ม นปก.ไม่ยอม พร้อมทั้งขับไล่โดยให้เหตุผลว่านางลีน่า จัง เคยไปให้กำลังใจกลุ่มพันธ มิตรฯ จึงอยากให้แสดงจุดยืนทางการเมืองก่อน นางลีน่า จัง จึงกลับไป อย่างไรก็ตามช่วงที่รถของนายสมัคร สุนทรเวช นายกฯ ขับผ่านกลุ่มผู้ชุมนุม นปก.เพื่อมาประชุมสภา กลุ่มผู้ชุมนุมปรบมือให้กำลังใจกึกก้อง-"ประชา"คุยโชว์พลังม็อบนับแสนนายประชา ประสพดี ส.ส.พลังประชาชน ในฐานะแกนนำกลุ่มมหาประชาชนร่วมพิทักษ์ประ ชาธิปไตย ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้กลุ่มมหาประชาชนและประชาชนทั่วไปมีมติเอกฉันท์จะออกมาร่วมเคลื่อนไหวกับ นปก.ที่สนามหลวง เรียกร้องให้การเมืองกลับสู่ภาวะประชาธิปไตยและให้กำลังใจรัฐบาล สนับสนุนนายสมัครเป็นนายกฯ ต่อไป ไม่ต้องยุบสภาหรือลาออก เพราะหากยอมตามคำเรียกร้องของพันธมิตรฯ ในอนาคตหากพันธมิตรฯ ไม่พอใจใครก็จะออกมาชุมนุมขับไล่ไม่รู้จบ จึงต้องส่งสัญญาณให้พลังเงียบออกมาเคลื่อนไหวสร้างความสมานฉันท์ร่วมกัน ที่ผ่านมาถึงแม้รัฐบาลจะผ่อนปรนแต่พันธมิตรฯ ยังฮึกเหิมไม่หยุดกระทำการขัดคำสั่งศาล จึงต้องชุมนุมเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและนำกลุ่มพันธมิตรฯ กลับเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมต่อไปนายประชากล่าวว่า การชุมนุมจะยึดแนวทางสันติ ไม่ใช้ความรุนแรงและหลีกเลี่ยงเผชิญหน้า เชื่อว่าจะมีประชาชนเข้าร่วมนับแสน และส.ส. พรรคพลังประชาชนบางส่วนจะร่วมขึ้นเวทีปราศรัยที่สนามหลวงด้วย-"หมัก"เครียดออกอากาศเอ็นบีทีส่วนความเคลื่อนไหวของนายสมัคร สุนทรเวช นายกฯ และ รมว.กลาโหม เวลา 08.00 น.เดินทางมายังสถานีโทรทัศน์เอ็นบีทีเพื่อออกรายการ "สนทนาประสาสมัคร" ด้วยสีหน้าค่อนข้างเครียด และเปลี่ยนมาใช้รถอัลพาร์ท สีขาว ป้ายแดง ทะเบียน ธ 1760 มีหลานชายเป็นคนขับ ส่วนรถอัลพาร์ท สีดำ ทะเบียน ศร 3333 ที่ใช้เป็นประจำก็ยังร่วมขบวนมาด้วย เมื่อมาถึงตรงกับเวลาเคารพธงชาติ นายสมัครเรียกช่างภาพและเจ้าหน้าที่ที่ไปยืนรอรับ หันหน้าไปทางเสาธงและร่วมฟังเพลงชาติจนจบ ก่อนเดินเข้าไปยังห้องรับรองและสอบถามอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ถึงการซ่อมแซมอาคารและอุปกรณ์ต่างๆ ที่กลุ่มพันธมิตรฯ บุกเข้าไปทำลาย-ได้ดูใครนุ่งผ้าขาวม้า-กระโจมอกนายสมัครกล่าวในรายการสนทนาประสาสมัครยืนยันว่า จะไม่ลาออก การออกมาขับไล่รัฐบาลของกลุ่มพันธมิตรฯ ไม่ได้ทำให้ตนกลัว เพราะความกลัวทำให้เสื่อม การชุมนุมประท้วงวันนี้ต้องการให้เกิดจลาจล หวังให้ทหารปฏิวัติยึดอำนาจอีก ในการประชุมรัฐสภาจะเป็นเวทีที่ดีที่สุดในการชี้แจง ขอบ คุณนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย ที่เสนอแนะให้เปิดประชุมรัฐสภา"ถ้าพูดตามสำนวนชาวบ้านจะได้ดูผู้ชายนุ่งผ้าขาวม้า ผู้หญิงจะกระโจมอกกันมา จะได้ดูใครนุ่งกาง เกงชั้นในสีอะไร ใครจะเข้าข้างใคร"นายสมัครกล่าวและว่า ตนเองมีหน้าที่รับผิดชอบบ้านเมือง บ้านเมืองปล่อยให้เป็นอย่างนี้ไม่ได้ ต้องจบ(อ่านรายละเอียดนายกฯ ออกอากาศรายการที่หน้า 6)จากนั้นเวลา 09.30 น.นายสมัครให้สัมภาษณ์หลังออกรายการถึงแนวทางแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นว่า ให้รอฟังอภิปรายในสภา เรื่องทุกอย่างควรจบเมื่อพูดในสภาแล้ว ประชาชนรวมทั้งทุกฝ่ายจะเข้าใจ เมื่อถามว่าการอภิปรายในสภาจะดับชนวนต่างๆ ลงได้ใช่หรือไม่ นายสมัครกล่าวอย่างมั่นใจว่า ควรจะจบผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังออกรายการและให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนแล้ว นายสมัครอารมณ์ดีขึ้นมีสีหน้ายิ้มแย้ม ยกมือโบกทักทายกลุ่มสนับสนุนที่มารอประมาณ 10 คน ก่อนขึ้นรถกลับออกไป-จ่ายตลาดอตก.เพลินจนหมดเงินจากนั้นนายสมัครพร้อมด้วยคนสนิทเดินทางไปยังตลาดอ.ต.ก. มีสื่อมวลชนจำนวนมากติดตาม ความเคลื่อนไหว เมื่อไปถึงนายกฯ เข้าไปเปลี่ยนเสื้อที่ห้องสุขาภายในตลาดที่เดียวกับที่เคยมีเรื่องตำหนิสื่อ มวลชน ก่อนจับจ่ายซื้อของจำนวนมาก เช่น ปลาอินทรีเค็ม เนื้อไก่สด ปลาแซลมอน ผักสด ผลไม้ ขนมหวาน อย่างเพลินอารมณ์จนเงินที่พกไปไม่พอ ต้องให้คนสนิทช่วยจ่าย ขณะเดินตลาดมีกลุ่มแฟนคลับและพ่อค้าแม่ค้านำดอกกุหลาบแดง พวงมาลัยมามอบให้กำลังใจ นายสมัครรีบรับก่อนบอกว่า "อย่าเอามาให้เลย เดี๋ยวจะมีคนไปกล่าวหาว่าจัดฉาก" อีกทั้งยังพูดเชิญชวนพ่อค้าแม่ค้าและประชาชนในตลาดอ.ต.ก.เปิด วิทยุหรือโทรทัศน์ฟังการชี้แจงในสภาเวลา 13.30 น. พร้อมกับยืนยันว่าจะเดินหน้าทำงานต่อไป ขอให้ช่วยกันอดทนผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างนั้นมีสุภาพสตรีคนหนึ่งเข้าไปทักทายและให้กำลังใจนายสมัคร พร้อมสอบถามถึงการเข้าเฝ้าฯ เมื่อวานนี้ นายสมัครตอบว่า เรื่องนี้เขาไม่เล่ากัน แต่เมื่อสุภาพสตรีคนดังกล่าวถามย้ำว่าเป็นไปในทิศทางที่ดีหรือไม่ นายสมัครกล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้มทันทีว่า "ดีครับ" อย่างไรก็ตาม แม้บริเวณตลาดอ.ต.ก.จะเป็นถิ่นของผู้สนับสนุนนายสมัคร แต่ก่อนที่นายกฯ จะเดินทางกลับโดยแวะดื่มน้ำอ้อยอยู่นั้น มีชายวัยกลางคนผู้หนึ่งพยายามฝ่าวงล้อมกลุ่มผู้สนับสนุนเข้าไปแต่ไม่ได้ จึงแสดงอาการไม่พอใจ พูดเสียงดังก่อนเดินออกไปว่า "พวกควายทั้งหลายเอ๊ย" ทั้งนี้ระหว่างนายสมัครเดินซื้อของอยู่นั้นมีกลุ่มพันธ มิตรฯ 3 คนเดินตามห่างๆ บรรดา รปภ.นายกฯ ต้องเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด-หัวเราะร่า"ผมไม่เคยอารมณ์ร้าย"ภายหลังนายสมัครใช้เวลาซื้อของกว่า 1 ช.ม. ได้นั่งพักที่เก้าอี้ซึ่งตลาดอ.ต.ก.จัดไว้รอบๆอย่างสบายอารมณ์ ก่อนพูดคุยกับผู้สื่อข่าวและประชา ชนอย่างสบายใจ มีแฟนคลับพูดทำนองยุให้นายสมัครจัดการกลุ่มพันธมิตรฯ อย่างเด็ดขาด นายสมัครได้แต่หัวเราะและยกมือห้ามปรามพร้อมกล่าวว่า "ไม่เอาๆ ไม่ใช่ต้องมารบกัน เดี๋ยวจะไปกันใหญ่ กลายเป็นเหยื่อ" เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าวันนี้ทำไมอารมณ์ดี นายสมัครกล่าวว่า "ผมไม่เคยอารมณ์ร้าย" เมื่อถามว่าหนักใจหรือไม่ที่ต้องเผชิญปัญหาใหญ่ในขณะนี้ นายสมัครกล่าวว่า "ไม่หรอก ไม่หนักใจ ถ้าหนักใจจะมาซื้อกับข้าวทำไม และที่ซื้อเยอะก็ไม่ได้เอาไปไหน ซื้อไปเก็บและทำที่บ้าน" เมื่อถามย้ำว่าเครียดบ้างหรือไม่ นายสมัครย้อนถามว่า "คนเครียดหน้าตาจะเป็นอย่างนี้หรือ ขอให้ทุกคนรอฟังการชี้แจงในสภาก็แล้วกัน"ต่อมานายสมัครให้สัมภาษณ์อีกครั้งก่อนกลับว่า ช่วงที่เดินซื้อของอยู่มีชาวบ้านเดินมาบอกว่าอย่าให้อันธพาลครองเมือง ตนตอบขอบคุณที่ให้ข้อคิด เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าจะทำตามข้อเสนอหรือไม่ นายสมัครกล่าวว่า "ไม่คิด" เมื่อถามย้ำว่ามีกำลังใจบริหารประเทศต่อไปใช่หรือไม่ นายสมัครกล่าวว่า กำลังใจดี ไม่มีปัญหา ไม่ต้องห่วง เมื่อถามว่าหากเหตุการณ์เข้าสู่จุดที่ไปไม่ไหวจะเลือกการยุบสภาหรือไม่ นายสมัครกล่าวว่า "อย่าถามนำ"-ลวงขบวนหลบไปหม่ำมื้อเที่ยงจากนั้นนายสมัครเดินทางออกจากตลาดอ.ต.ก. กลับมาใช้รถอัลพาร์ทสีดำคันที่ใช้ประจำ โดยขบวนรถมุ่งหน้ากลับไปทางถนนวิภาวดีฯ ผ่านแยกหลักสี่ ดอนเมือง และกลับรถมุ่งหน้ามาผ่านสวนจตุจักรและตลาดอ.ต.ก.อีกครั้ง ก่อนเดินทางไปยังกองทัพภาค 1 ใช้เวลาประมาณ 10 นาที ผู้ติดตามระบุว่านายกฯ จะมาเปลี่ยนชุดเพื่อเข้าร่วมประชุมสภา ทั้งนี้เวลา 12.00 น.ขบวนรถของนายสมัครออกจากกองทัพภาคที่ 1 หันหัวกลับไม่เข้ารัฐสภา มุ่งหน้าไปสี่แยกสะพาน ควาย เลี้ยวเข้าไปยังตลาดอ.ต.ก.อีกครั้ง แต่กลับไม่มีนายสมัครนั่งอยู่ในรถคันดังกล่าว มีเพียงคนสนิทเท่านั้นที่นั่งมา คาดว่านายสมัครหลบจากขบวนไปรับประทานอาหารกลางวันจากนั้นเวลา 14.00 น.นายสมัครเดินทางมาถึงอาคารรัฐสภา มีตัวแทนนักศึกษาจากองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหงนำดอกไม้มามอบให้กำลังใจ-มท.1-ผบ.ตร.ประชุมรับม็อบชนม็อบผู้สื่อข่าวรายงานจากหน้ารัฐสภาว่า หลังจากกลุ่ม นปก.มาปักหลักชุมนุม ได้เจอกับกลุ่มธรรมยาตราซึ่งมาเรียกร้องให้นายกฯ ลาออก จนเกิดความไม่พอใจมีการโต้เถียงกันเล็กน้อย แต่ตำรวจเข้ามาห้ามปรามก่อนเกิดเหตุรุนแรงต่อมาเวลา 10.30 น.ประชาชนจากพระประแดง ทุ่งครุ เดินทางมาให้กำลังใจตำรวจนครบาล โดยมีพล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รองโฆษกตร. ออกมารับช่อดอกไม้ ระหว่างนั้นพล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย เดินทางมาบช.น. พอดี จึงลงมารับช่อดอกไม้จากประชาชนด้วยพล.ต.ต.สุรพลกล่าวว่า ภาพรวมวันนี้คาดว่าไม่น่ามีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น แต่ตำรวจวางกำลังอย่างแน่นหนาเพื่อป้องกันการปะทะของทั้งสองฝ่าย เนื่องจาก นปก.ปักหลักอยู่รัฐสภา และพันธมิตรฯ อยู่ทำเนียบ อาจปะทะเกิดขึ้นได้ ทั้งนี้จะประชุมเพื่อประเมินสถานการณ์ โดยมีพล.ต.อ. โกวิทและพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. เข้าร่วมประชุมด้วย-สั่งทุกจังหวัดป้องกันบุกยึดสถานที่ต่อมาเวลา 13.00 น.ที่บช.น. พล.ต.ต.สุรพล รองโฆษกตร. แถลงภายหลังประชุมว่า รองนายกฯ กำชับดูแลไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมทั้ง 2 กลุ่มปะทะกัน ตำรวจต้องติดตามสถานการณ์ทุกระยะ อย่าให้ทั้งสองฝ่ายปะทะกัน หากมีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นให้มีกำลังเสริมพร้อมเข้าดูแล อยากให้ประชาชนตามภูมิภาคต่างๆ ช่วยกันดูแลสถานที่ราชการไม่ให้มีการทำลายทรัพย์สิน หรือก่อเหตุรุนแรง ส่วนที่มีประชาชนบุกสถานที่ราชการในต่างจังหวัด ได้สั่งการผบก.ตำรวจภูธรจังหวัดเป็นกำลังสำคัญให้กับผู้ว่าฯ รองนายกฯ ยังกำชับดำเนินตามกฎหมาย โดยรวบรวมพยานหลักฐานและสอบสวนหาข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นรองโฆษก ตร.กล่าวถึงมาตรการแก้ปัญหาจราจรว่า มอบหมายพล.ต.ต.ภานุ เกิดลาภผล รองผบช.น. ดูแลว่าจะปิดถนนใดบ้างเพื่อไม่ให้การจราจรติดขัด และอยากฝากตำรวจจราจรในพื้นที่ปฏิบัติงานกันให้มาก รวมถึงติดป้ายบอกเส้นทางเพื่อให้ประชาชนหลีกเลี่ยงเส้นทางที่ติดขัดไปใช้เส้นทางที่สะดวกขึ้น ส่วนการปฏิบัติตามกฎหมายตำรวจพร้อมเต็มที่ แต่สถานการณ์ตอนนี้ทำให้ไม่สามารถดำเนินการได้ ซึ่งผู้บังคับบัญชาเน้นย้ำให้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็งและอดทนอดกลั้นมากที่สุด"ส่วนที่ประชาชนยังข้องใจภาพตำรวจทำร้ายประชาชน ขอย้ำว่าการปฏิบัติวันที่ 29 ส.ค. เป็นการปฏิบัติเพื่อช่วยเหลือเจ้าหน้าที่บังคับคดีที่จะนำหมายของศาลแพ่งไปติดให้กับกลุ่มผู้ชุมนุมทราบ ซึ่งเป็นคำสั่งของศาลแพ่งที่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมออกจากบริเวณดังกล่าว ส่วนการปะทะที่เกิดขึ้นเป็นเพียงการป้องกันไม่ให้เกิดการขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่บังคับคดี ซึ่งเป็นการปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมายอย่างชัดเจน ตำรวจจำเป็นต้องมีมาตรการป้องกันและดูแลควบคุมฝูงชนเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายตามมา" รองโฆษก ตร.กล่าว-ตรวจของกลางยึดจากเวทีมัฆวานฯหลังการแถลงข่าวเสร็จสิ้น พล.ต.อ.โกวิทเดินลงมาด้านล่างบช.น.เพื่อตรวจดูของกลางที่ได้จากรื้อถอนเวทีและเต็นท์พันธมิตรฯ บริเวณสะพานมัฆวานฯ ทั้งหมด 18 รายการ ประกอบด้วยลูกกระ สุนปืน .38 จำนวน 117 นัด ลูกกระสุน 9 ม.ม. ปืนอัดลม 1 กระบอก ใบกระท่อม 2.2 ก.ก. ของเหลวสีน้ำตาลบรรจุขวด ขนาด 100 ซีซี 9 ขวด น้ำมันเบนซินบรรจุในขวดเครื่องดื่มชูกำลัง 60 ขวด ไม้กอลฟ์ 1,558 อัน ท่อนเหล็ก 248 ท่อน ไม้ท่อนกลม 185 อัน ไม้ท่อนเหลี่ยม 50 อัน เสาธงไม้ 48 อัน ดาบและเหล็กปลายแหลม 20 อัน สนับแขนทำด้วยท่อ โล่ทำด้วยไม้ 56 อัน หนังสติ๊กไม้ 55 อัน ลูกแก้วและลูกดินปั้น 155 ลูก ถังดับเพลิง 3 ถัง และโทรโข่ง 2 อัน หลังจาก รมว.มหาดไทยตรวจดูเสร็จสิ้นรีบเดินทางกลับทันที โดยไม่ให้สัมภาษณ์แต่อย่างใด-สันติบาลรายงานม็อบนปก.มาเป็นหมื่นด้านพล.ต.ท.ธีระเดช รอดโพธิ์ทอง ผบช.ส. กล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ และกลุ่มสนับสนุนรัฐบาลว่า มวลชนของทั้งสองกลุ่มเข้ามาเคลื่อนไหวใน กทม.แล้ว โดยกลุ่มพันธมิตรฯ อยู่ภายในทำเนียบ ส่วนกลุ่มสนับสนุนรัฐบาลอยู่หน้ารัฐสภา ผู้สนับสนุนรัฐบาลมีประมาณ 10,000 คน ส่วนมากเป็นกลุ่มแท็กซี่ มอเตอร์ไซค์ และประชาชนในเขตปริมณฑล ส่วนประชาชนในภาคอีสานยังไม่เข้ามา เพียงแต่ชุมนุมอยู่ตามสวนสาธารณะในจังหวัดของตนเท่านั้นผบช.ส.กล่าวอีกว่า สำหรับปืนของทางราชการที่หายไป 11 กระบอก ได้แจ้งความไว้แล้ว ขอร้องว่าใครที่เอาไปช่วยกรุณานำมาคืนเจ้าหน้าที่ด้วย เพราะการใช้อาวุธจะยกฐานะเป็นการก่อการร้าย ไม่ใช่ชุมนุมโดยสงบ และปืนที่หายไปส่วนใหญ่เป็นอาวุธปืนกลมือ เป็นปืนอานุภาพสูง คนที่นำไปมีความชำนาญในการใช้แน่นอน ก่อนหน้าที่กลุ่มพันธมิตรฯ จะยึดทำเนียบ ปืนส่วนใหญ่ได้ถอดชิ้นส่วนของปืนออกแล้วจึงใช้การไม่ได้ ส่วนที่มีกลุ่มแกนนำโจมตีว่าปืนตำรวจหายไปก่อนแล้วนั้น ยืนยันว่าปืนในทำเนียบเป็นอาวุธประจำกาย ตรวจเช็กทุกอาทิตย์ จำเป็นต้องนำออกมาทำความสะอาด ขออย่าให้มองคนในแง่ร้ายเกินไป-ปลุกคนอีสานบุกถ.พระอาทิตย์นอกจากนี้สันติบาลสรุปรายงานการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ, กลุ่มสนับสนุนรัฐบาล และกลุ่มการเมืองต่างๆ ว่า ที่ทำเนียบการชุมนุมมีเครือข่ายถึง 43 องค์กร ส่วนใหญ่เป็นองค์กรที่ควบคุมระบบ สาธารณูปโภค โดยเริ่มให้หยุดเดินรถไฟทุกขบวนโดยสิ้นเชิงทุกภาค กรณีดังกล่าวหากเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง 3 วันขึ้นไป อาจส่งผลกระทบถึงการขนส่งน้ำมัน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อระบบขนส่งทั้งหมด เช่นเดียวกับสนามบินภาคใต้ ที่ยังไม่สามารถเปิดใช้การได้ที่สนามบินกระบี่ และสุราษฎร์ธานี (อยู่ในความควบคุมของทหารอากาศ) ส่วนของสนามบินภูเก็ตเปิดใช้ได้แล้ว
ฝ่ายหนุน- ม็อบ นปก.ยกพลมาชุมนุมหน้ารัฐสภา ระหว่างการประชุมสภาด่วน เพื่อให้กำลังใจรัฐบาล โดยแกนนำประกาศจะปักหลักชุมนุมที่สนามหลวง จน กว่า 9 แกนนำพันธมิตรฯจะติดคุก เมื่อ 31 ส.ค.ส่วนที่สนามหลวง กลุ่มต่อต้านพันธมิตรฯ นำโดยนายวีระ มุสิกพงศ์ และนายจรัล ดิษฐาอภิชัย อภิปรายโจมตีพรรคประชาธิปัตย์ที่สนับสนุนพันธ มิตรฯ พร้อมโจมตีกลุ่มพันธมิตรฯ และเรียกร้องประ ชาชนจากภาคกลางและภาคอีสานมาร่วมชุมนุมหน้าน.ส.พ.ผู้จัดการ ถนนพระอาทิตย์ สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ทำเนียบ และรัฐสภา-เช่าส้วมน็อกดาวน์ตั้งรอบทำเนียบผู้สื่อข่าวรายงานจากม็อบพันธมิตรฯ ที่ทำเนียบว่า แกนนำพันธมิตรฯ เช่าห้องสุขาแบบน็อกดาวน์จากบริษัทเอกชนย่านลำลูกกา จ.ปทุมธานี มาติดตั้งรอบๆ ทำเนียบ โดยเฉพาะบริเวณประตู 5 ฝั่งตรงข้ามกระทรวงศึกษาฯ เวทีสำรองสะพานมัฆ วานฯ กว่า 30 ห้อง และด้านข้างทำเนียบติดห้องผู้สื่อข่าว (รังใหม่) ฝั่งตรงข้ามพาณิชยการพระนคร 20 ห้อง ทั้งหมดเป็นห้องสุขาแบบชักโครก ซึ่งต่อน้ำจากท่อประปาทำเนียบ รวมมีห้องสุขาเพิ่มอีก 50 ห้อง หากยังไม่เพียงพอแกนนำจะเช่าเพิ่มเติมเป็น 100 ห้อง-"หมัก"ไม่ออกเพราะกลัวเหมือน"จิ๋ว"เวลา 14.30 น.นายไทกร พลสุวรรณ แกนนำกลุ่มอีสานกู้ชาติ ขึ้นเวทีปราศรัยว่า ทราบว่าคนใกล้ชิดแนะนำนายสมัครว่า ถ้านายสมัครลาออกจะกลายเป็นบุคคลล้มละลายทางการเมืองเหมือนที่เคยเกิดกับพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกฯ ทำให้นายสมัครหวั่นไหวไม่กล้าลาออก และยังต่อรองกับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลว่าถ้าพรรคร่วมไม่สนับสนุนนายสมัครเป็นนายกฯ ต่อ นายสมัครจะประกาศยุบสภา ทำให้บรรดาพรรคร่วมต่างๆ จำเป็นต้องหนุนนายสมัครต่อไป เพราะไม่มีพรรคใดอยากเลือกตั้งในช่วงนี้ แสดงให้เห็นว่าผลประโยชน์ของประชาชนไม่ได้อยู่ในความคิดของคนเหล่านี้ คิดถึงแต่อำนาจและผลประโยชน์ของตัวเองเมื่อเวลา 15.30 น. พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายสมศักดิ์ โกศัยสุข พร้อมนายสุนทร รักษ์รงค์ ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ 14 จังหวัดภาคใต้ มาอ่านแถลงการณ์ของพันธมิตรฯ ภาคใต้ ฉบับที่ 2 ที่ห้องนักข่าวทำเนียบ หรือรังนกกระจอกว่า ขณะนี้มีการวางแผนเพื่อระดมมวลชนแนวร่วมนปก. ในภาคเหนือและภาคอีสานมาเคลื่อนไหวปะทะกับกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ทำเนียบ เพื่อรัฐบาลจะได้ฉวยโอกาสประกาศพ.ร.ก. ฉุกเฉิน ดังนั้นหากรัฐบาลประกาศพ.ร.ก.เมื่อใดกลุ่มพันธมิตรฯ จะมีมาตร การดังนี้ 1.ปิดสนามบินภูเก็ต หาดใหญ่ กระบี่ สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ตรัง 2.ปิดถนนเพชรเกษม ตั้งแต่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นต้นไป และ 3.ห้ามนายสมัครไปภาคใต้ ทั้งนี้แถลงการณ์ดังกล่าวได้รับการรับรองจากแกนนำพันธมิตรฯ ทั้ง 5 คนแล้วขณะที่นายสมศักดิ์กล่าวว่า ขณะนี้แกนนำพันธมิตรฯ ยังไม่มีแนวคิดดำเนินการตามแผนดาวกระจาย 7 แฉก เพราะต้องรอดูประชุมร่วม 2 สภา รวมถึงรอให้การสร้างสถานการณ์ของ นปก.หยุดเสียก่อน เพราะหากกระจายตัวไปจุดต่างๆ อาจเกิดปะทะได้ จึงหลีกเลี่ยงความรุนแรง เพราะขณะนี้กลุ่ม นปก.ยังก่อความวุ่นวาย โดยมีแผนเผาเวทีพันธมิตรฯ ที่มัฆวานฯ แต่เราทราบแผนจึงสกัดไว้ได้และจับบุคคลที่ก่อกวนได้ สอบสวนเบื้องต้นทราบว่ารับว่าจ้างวันละ 2,000 บาท-ผู้ว่าฯรฟท.ลุยแก้รถไฟหยุดวิ่ง 100%วันเดียวกันนายยุทธนา ทัพเจริญ ผู้ว่าการรฟ.ท. เดินทางไปสถานีปากน้ำโพ จ.นครสวรรค์ และสถานีแก่งคอย จ.สระบุรี เพื่อแก้ปัญหาพนักงานรถไฟลางานไปเคลื่อนไหวทางการเมือง จนส่งผลให้ต้องหยุดขบวนรถไฟจำนวนมาก สร้างความเดือดร้อนต่อประชาชนทั้งนี้ช่วงเช้าปัญหาทวีความรุนแรงมากขึ้น หลังจากเมื่อคืนที่ผ่านมาสหภาพแรงงานร.ฟ.ท.นำหัวรถจักรเข้าไปกีดขวางที่สถานีนครราชสีมา สถานีปากน้ำโพ สถานีนครสวรรค์ สถานีแก่งคอย ส่งผลให้การหยุดเดินขบวนรถช่วงเช้าขยายวงกว้างครอบคลุมถึงขบวนสายยาวที่เดินทางไป-กลับระหว่างกรุงเทพฯ ไปภาคเหนือ อีสาน และภาคใต้ จากเมื่อวันที่ 30 ส.ค.หยุดเดินรถรวม 76 ขบวน แต่วันนี้ต้องหยุดมากกว่า 100 ขบวน มีเพียงรถไฟชานเมือง 80 ขบวนที่ยังวิ่งให้บริการได้เท่านั้น ส่วนรถไฟสายยาวสู่ภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคใต้ ต้องหยุดเดินรถทั้ง 100%-พนักงานยันฟังปธ.สหภาพคนเดียวผู้ว่าการร.ฟ.ท.เข้าเจรจาตัวแทนสหภาพ ที่ปาก น้ำโพ และสถานีแก่งคอย โดยร้องขอพนักงานกลับเข้าทำงานและเคลื่อนหัวรถจักรที่กีดขวางออกไป เพื่อให้รถไฟขบวนต่างๆ ผ่านไปได้บางส่วน แต่กลุ่มสหภาพยืนยันจะรอฟังคำสั่งประธานสหภาพ ร.ฟ.ท. เพียงคนเดียว และยังคงหยุดเดินรถไฟต่อไปไม่มีกำหนดนายยุทธนากล่าวว่า ในฐานะผู้บริหารร.ฟ.ท.ได้ร้องขอพนักงานคิดถึงความเดือดร้อนของประชาชนทั่วประเทศ เพราะเงินเดือนพนักงานเป็นงบประมาณจากภาษีประชาชน เป็นเรื่องไม่ถูกต้องที่พนักงานรถไฟจะหยุดงานให้ประชาชนเดือดร้อน ซึ่งหลังการเจรจาพนักงานบางส่วนแสดงความจำนงอยากกลับเข้าทำงาน ฝ่ายการเดินรถเตรียมแก้ปัญหาโดยนำพนักงานขับรถที่สมัครใจทำงานเดินทางไปกับขบวนรถ เช่น เส้นทางภาคเหนือก็จะนำไปสถานีจังหวัดต่างๆ เช่น สถานีชุมแสง สถานีพิษณุโลก จากนั้นจะพยายามให้พนักงานเหล่านี้เข้าปฏิบัติงานเพื่อให้เดินรถได้เป็นช่วงๆ แต่ละจังหวัด นอกจากนี้ผู้ว่าการร.ฟ.ท.ยังพบว่า การหยุดให้ บริการของรถไฟสร้างความไม่พอใจแก่ผู้โดยสารเป็นวงกว้าง บางแห่งรุนแรงถึงกับขู่วางเพลิงหัวรถจักร ขณะนี้ผู้ว่าฯการร.ฟ.ท.สั่งการตำรวจรถไฟแต่ละพื้นที่ดูแลหัวรถจักรอย่างเข้มงวดหวั่นถูกทำลาย-เหนือ-อีสานหนุน"หมัก"-ไล่พันธมิตรฯวันเดียวกันที่เวทีปราศรัยใหญ่ด้านข้างศูนย์ราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยาติดกับศูนย์การค้าอยุธยาพาร์ค ติดถนนสายเอเชีย มีประชาชนจำนวนมากกว่า 1,000 คน มารวมตัวกันเพื่อแสดงพลังต่อต้านกลุ่มพันธมิตรฯ และสนับสนุนนายกฯบริหารประเทศต่อไป โดยทำหุ่นฟางขนาดใหญ่ของนายสนธิ, พล.ต.จำลอง และนายสุริยะใส แกนนำพันธมิตรฯมาทุบตีส่วนที่จ.บุรีรัมย์ กลุ่มมวลชนจาก 23 อำเภอกว่า 10,000 คนมาชุมนุมบริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอเมืองบุรีรัมย์ เพื่อให้กำลังใจนายกฯ พร้อมเปิดเวทีปราศรัยโจมตีกลุ่มพันธมิตรฯ โดยมีนักการเมืองพรรคพลังประชาชนเป็นแกนนำผู้ชุมนุมที่จ.เชียงใหม่ กลุ่มประชาชนที่สนับสนุน รัฐบาลกว่า 500 คน นำโดยนายเพชรวรรต วัฒนพงศ์ศิริกุล ประธานสมาพันธ์ชาวเหนือเพื่อประชาธิปไตย นำขบวนรถมาศาลากลางจังหวัด โดยมีขบวนรถสองแถวสี่ล้อแดงประมาณ 100 คันขับแห่รอบเมืองเชียงใหม่ ออกถนนซูเปอร์ไฮเวย์เชียงใหม่-ลำปางให้กำลังใจรัฐบาลที่จ.เชียงราย กลุ่มสนับสนุนรัฐบาลหลายกลุ่มออกมารวมตัวกันและทำกิจกรรมตามจุดต่างๆ เพื่อต่อต้านกลุ่มพันธมิตรฯ อาทิ บริเวณห้าแยกพ่อขุน ก่อนรวมกันกว่า 5,000 คนเดินทางไปศาลากลางจังหวัดเชียงราย ยื่นหนังสือถึงผู้ว่าฯเชียงราย เพื่อสนับสนุนรัฐบาล เช่นเดียวกับที่จ.พะเยา ประชา ชนจาก 9 อำเภอประมาณ 5,000 คนรวมตัวกันเข้าพบผู้ว่าฯพะเยา เพื่อยื่นหนังสือผ่านผู้ว่าฯแสดงความไม่เห็นด้วยกับกลุ่มพันธมิตรฯ และให้กำลังรัฐบาล-พันธมิตรฯกระจาย 7 เวทีทั่วกทม.รายงานข่าวจากหน่วยข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้านี้กลุ่มม็อบสนับสนุนรัฐบาลและต่อต้านพันธมิตรฯตามจังหวัดต่างๆ โดยเฉพาะภาคเหนือและอีสานเตรียมเคลื่อนเข้ากทม.ร่วมชุมนุมกับกลุ่มนปก.ที่สนามหลวง เพื่อแสดงพลังโชว์ศักยภาพสู้กับฝ่ายตรงข้าม แต่ต่อมาแกนนำเปลี่ยนแผนใหม่ไม่นำม็อบเข้ากทม. แต่ให้แต่ละจังหวัดแสดงพลังกันภายในจังหวัด และเตรียมความพร้อมหากได้รับคำสั่งให้เข้ากทม.ขณะที่สันติบาลประเมินว่า กลุ่มพันธมิตรฯพยายามระดมมวลชนจากเครือข่ายทั่วประเทศเข้ามาเสริมในกทม.เพื่อให้ภารกิจประสบผลสำเร็จ ดังนั้นจำนวนผู้เข้าชุมนุมจึงมีแนวโน้มสูงขึ้นเป็นลำดับ ตามระยะเวลาการชุมนุมที่เนิ่นนานออกไป ประเด็นนี้ย่อมเสี่ยงต่อการเผชิญหน้ากับกลุ่มนปก.ที่มีกระแสข่าวว่ากำลังเริ่มทยอยเข้ามาในพื้นที่กทม. และขณะนี้ได้ชุมนุมอยู่หน้ารัฐสภาแล้วประมาณ 1,500 คน ที่หน้าบช.น.อีก 500 คน และบริเวณสนามหลวงอีก 3,000 คน แม้จำนวนของสองกลุ่มจะแตกต่างกันมาก แต่การใช้ความรุนแรงจากวงจำกัดสามารถขยายตัวออกสู่วงกว้าง และลุกลาม เป็นเหตุบานปลายได้โดยง่าย โดยเฉพาะสถาน การณ์ความขัดแย้งที่มีอยู่ขณะนี้ ส่วนยุทธวิธีดาวกระจายของพันธมิตรฯนั้น หน่วยข่าวประเมินว่าน่าจะเป็นการปราศรัยทั่วกรุงเทพฯ 7 จุด โดยจุดที่คาดว่าจะเปิดปราศรัยเน้นจุดที่มีประ ชาชนสัญจรผ่านไปมาจำนวนมาก อาทิ สยาม สแควร์, สีลม, สาทร-สนามบินกระบี่-ภูเก็ตเปิดบริการแล้ววันเดียวกัน ว่าที่ร.ต.อัธยา ลาภมาก ผอ.ท่าอากาศยานกระบี่ เปิดเผยว่า ขณะนี้ท่าอากาศยาน นานาชาติกระบี่เปิดบริการตามปกติแล้ว หลังจากกลุ่มพันธมิตรฯสลายการชุมนุมเมื่อช่วงดึกที่ผ่านมา เวลา 09.20 น.วันนี้มีเที่ยวบินสายการบินไทย ทีจี 249 นำผู้โดยสารจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กว่า 100 คนมาลงที่สนามบินกระบี่ และเที่ยวบินทีจี 250 นำผู้โดยสาร 200 คน ออกเดินทางจากสนามบินกระบี่ไปยังสนามบินสุวรรณภูมิเวลา 10.10 น. ส่วนภายในท่าอากาศยานกระบี่ ตำรวจดูแลอย่างเข้มงวด โดยเสริมกำลังประตูทางเข้า และนำแผงเหล็กมากั้นให้รถเข้าได้เพียง 1 ช่องทางส่วนที่สนามบินภูเก็ต เวลา 15.40 น. เที่ยวบินทีจี 213 การบินไทย ลงแตะรันเวย์ท่าอากาศยานภูเก็ตเป็นเที่ยวบินแรก หลังจากสนามบินปิดมา 2 วัน นำผู้โดยสารกว่า 300 คนทั้งไทยและต่างชาติที่ตกค้างที่สุวรรณภูมิมาถึงภูเก็ตโดยสวัสดิภาพ ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ นำโดยนายนิรันดร์ กัลยาณมิตร ผู้ว่าฯภูเก็ตทั้งนี้ท่าอากาศยานภูเก็ตรายงานผลกระทบจากการปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 29-31 ส.ค. มีเที่ยวบินยกเลิกทั้งสิ้น 181 เที่ยวบิน เป็นขาออก 88 เที่ยวบิน ขาเข้า 93 เที่ยวบิน แยกเป็นเที่ยวบินภายในประเทศ 126 เที่ยวบิน ระหว่างประเทศ 55 เที่ยวบิน ผู้โดยสารตกค้างประมาณ 3 หมื่นคน เป็นผู้โดยสารขาออก 1 หมื่น 3 พันคน ผู้โดยสารขาเข้าจำนวน 1 หมื่น 7 พันคน มีสินค้ายกเลิกจัดส่งประมาณ 137 ตัน มีสายการบินถูกยกเลิก 11 สายการบิน การบินไทยได้รับผลกระทบหนักสุด เนื่องจากมีจำนวนถึง 21 เที่ยวบินต่อวันเช่นเดียวกันท่าอากาศยานสุราษฎร์ธานีเปิดบริการเที่ยวบินไป-กลับ กทม.ทั้ง 6 เที่ยวบินต่อวันได้ตามปกติ โดยเที่ยวบินแรกสายการบินไทยแอร์เอเชีย เอฟดี 3183 จากท่าอากาศยานสุวรรณภูมินำผู้โดยสารส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติประมาณ 150 คน มาถึงโดยสวัสดิภาพ นอกจากนี้ยังมีนักท่องเที่ยวบางส่วนที่ต้องการไปที่จ.ภูเก็ต และจ.กระบี่ แต่ตกเครื่องบิน นั่งเครื่องมาลงจ.สุราษฎร์ธานีก่อนขึ้นรถโดยสารต่อไปยังปลายทาง-ทำเนียบฯร้องศาลยืนยันหมายจับเมื่อเวลา 15.00 น.ที่บช.น. นายศุภชัย ใจสมุทร เลขานุการพล.ต.อ.โกวิท รองนายกฯและรมว. มหาดไทย ในฐานะโฆษกมหาดไทย กล่าวว่า หลังจากศาลมีคำสั่งระงับการบังคับคดีที่สำนักงานเลขาธิ การนายกฯฟ้องกลุ่มพันธมิตรฯบุกยึดทำเนียบไว้ก่อนนั้น วันที่ 1 ก.ย.ทนายความสำนักงานเลขาธิการนายกฯ ในฐานะโจทก์จะยื่นคำร้อง แถลงต่อศาล ยืนยันว่าการดำเนินการเพื่อให้เป็นไปตามหมายของศาล ไม่ได้ทำผิดกฎหมายประมวลวิธีพิจารณาความแพ่ง และการดำเนินการของตำรวจในฐานะผู้ช่วยเจ้าพนักงานไม่ได้ทำเกินเลยไป และไม่ได้นำหมายศาลไปเพื่อสลายการชุมนุม โดยจะอธิบายให้ศาลทราบนายศุภชัยกล่าวว่า นอกจากนี้จะยื่นคำร้องต่อศาลว่าหลังจากศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวนั้นยังไม่ได้เกิดผลอะไร นายกฯ ครม. และข้าราชการ 6 หน่วยงานในทำเนียบฯ ยังไม่สามารถเข้าทำงานได้ตามปกติ ทำให้การบริหารราชการแผ่นดินเสียหาย และสิ่งที่ปรากฏชัดเจนคือผู้ชุมนุมไม่ได้ชุมนุมเพียงแค่พื้นที่สนามหญ้าเท่านั้น แต่เข้าไปทุกอาคาร ซึ่งอาจมีผลให้เอกสารสำคัญของราชการถูกทำลาย หรือเข้าไปค้นจนก่อให้เกิดความเสียหาย ภาพดังกล่าวปรากฏชัดว่าเข้าไปทุกตึก ฉะนั้นทนายโจทก์จะยื่นคำร้องต่อศาลให้คำสั่งคุ้มครองชั่วคราวที่ยังไม่สามารถดำเนินการได้จริงนั้น ศาลจะมีคำสั่งให้ดำเนินการได้อย่างไรเพื่อบรรเทาความเสียหายที่เกิดขึ้นผู้สื่อข่าวถามว่าทราบได้อย่างไรว่าเกิดความเสียหาย ในเมื่อยังเข้าไปในทำเนียบไม่ได้ นายศุภชัยกล่าวว่า เราไม่ทราบว่าความเสียหายมีมากน้อยเท่าไร และไม่สามารถประเมินได้ เมื่อผู้ชุมนุมเข้าไปในทำเนียบได้แสดงว่าต้องงัดแงะเข้าไป เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเมื่อเข้าอาคารแล้วจะไม่ไปงัดตู้ และขณะนี้ข้างในไม่มีใครคุมใครได้จริง แกนนำขัดแย้งกันเอง บางคนบอกเข้าไปเลย บางคนบอกอย่าเข้า พื้นที่ทำเนียบฯขณะนี้ไม่มีใครคุมใครได้ ซึ่งน่าเป็นห่วง-"พัลลภ"มากลัวกทม.เป็นกรือเซะโฆษกมหาดไทยกล่าวอีกว่า ที่ว่าชุมนุมโดยสงบนั้นขณะนี้ฝึกอาวุธกันแล้ว ตนยืนยันว่าเป็นสถานที่อันตราย ไม่แน่ใจว่าสะสมอาวุธเพิ่มขึ้นหรือไม่ ซึ่งจะนำเรียนศาลถึงสภาพที่เกิดขึ้น วันนี้พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี เพื่อนพล.ต.จำลอง ประกาศชัดว่าจะมาช่วย เป็นห่วงว่ากรุงเทพฯจะกลายเป็นกรือเซะ จึงต้องขออำนาจศาลเพื่อให้คำแนะนำว่าจะทำอย่างไร ไม่เช่นนั้นบ้านเมืองเสียหาย ราชการทำงานไม่ได้"ที่ต้องไปศาลเพราะมีการไม่ยอมรับคำสั่งศาล แล้วจะเอายังไงกัน ทุกวันนี้มีคนอยู่ในทำเนียบ ส.ว. 30 คน ส.ส.ประชาธิปัตย์เดินแหวกหมายศาลเข้าไปกอดกันอยู่กับกบฏ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น คำสั่งศาลแพ่งบังคับใช้กับแกนนำทุกรุ่น ไม่ว่ารุ่น 1 ยันรุ่นสุดท้ายถ้าอยู่ตรงนั้นผิดหมด ไม่รู้ว่าทุกวันนี้ไม่รู้กฎหมายเพราะถูกบิดเบือนหรือไม่ แต่อย่ามาอ้างว่าไม่รู้กฎหมาย" นายศุภชัยกล่าวอย่างมีอารมณ์-บช.น.แนะนำเส้นทางจราจรด้านพล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล รองผบช.น. ดูแลเรื่องจราจร กล่าวถึงมาตรการอำนวยความสะดวกการจราจรใวันที่ 1 ก.ย.ว่า หลังจากกลุ่มผู้ชุมนุมปิดถนนเพิ่มเติมตั้งแต่แยกมัฆวานฯถึงแยกพระบรมรูปทรงม้า และถ.พิษณุโลกตั้งแต่แยกวังแดง ถึงแยกสวนมิสกวันถึงแยกนางเลิ้ง นอกจากนี้ยังปิดถ.พระราม 5 จากแยกวัดเบญจ์ ถึงแยกพาณิชย์ โดยอ้างเรื่องความปลอดภัยที่ชุมนุม โดยนำรั้วเหล็ก ยางรถยนต์ ขดลวด ปิดกั้นการจราจรทุกจุดนั้น ทำให้โรงเรียนต่างๆโดยรอบได้รับผลกระทบมาก ได้แก่ โรงเรียนราชวินิตมัธยม โรง เรียนวัดเบญจมบพิตร สถาบันพณิชยการพระนคร ซึ่งโรงเรียนเหล่านี้ปิดมาแล้ว 1 สัปดาห์ และคงจะหยุดต่อไปไม่ได้อีกแล้วเพราะนักเรียนต้องเรียน ฉะนั้นตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.การจราจรจะเข้าสู่ภาวะปกติ ต่างจากสัปดาห์ที่แล้วที่เป็นการจราจรภาพหลอกพล.ต.ต.ภาณุแนะนำว่า ตั้งแต่ช่วงเช้าและเย็นให้หลีกเลี่ยงเส้นทางเหล่านี้ โดยโรงเรียนราชวินิตจะประสานให้เปิดจุดกลับรถแยกนางเลิ้งเพื่อให้นักเรียนเข้าไปในโรงเรียนได้ ผู้ที่เดินทางจากฝั่งธนฯมาพระนครให้ลงพระราม 8 ตรงไปแยกจักรพรรดิพงษ์ เลี้ยวซ้าย ถ.นครสวรรค์ ผ่านแยกนางเลิ้ง ส่วนที่มาจากปิ่นเกล้า เข้าถ.นครสวรรค์ เข้าแยกนางเลิ้ง ขึ้นด่วนยมราชได้ ซึ่งตำรวจผ่อนผันให้ผู้มาจากผ่านฟ้า ใช้ถ.หลานหลวง ใช้ช่องเดินรถประจำทางได้ตั้งแต่เวลา 05.00-24.00 น.ทุกวัน เข้าสู่แยกยมราชขึ้นทางด่วนยมราชเข้าเส้นเพชรบุรีได้ผู้ที่ลงจากทางด่วนยมราชมุ่งหน้าปิ่นเกล้า หรือสะพานพระราม 8 ให้ใช้เส้นหลานหลวงเป็นหลัก หรือจะวิ่งมาแยกนางเลิ้ง เลี้ยวซ้ายเข้านครสวรรค์ ใช้ช่องทางเดินรถประจำทางขอให้วิ่งตรงอย่างเดียวไปออกที่ผ่านฟ้า ไม่สามารถเลี้ยวขวาขึ้นสะพานพระราม 8 ได้คนที่ลงจากทางด่วน หรือมาจากเพชรบุรีจะไปส่งบุตรหลานที่โรงเรียนย่านสามเสน หรือราชวิถีให้ลงพระราม 6 หรือลงทางด่วนมาเลี้ยวขวาเข้าสวรรคโลกเลียบทางรถไฟไปใช้ศรีอยุธยา หรือตรงไปใช้ราชวิถีก็ได้ แต่เส้นทางนี้จะมีปัญหาติดขัดเพราะเป็นช่องทางเดียว แนะนำให้ลงพระราม 6 จะสะดวกกว่าสำหรับเส้นถ.ประชาธิปไตย ซึ่งเป็นถนนแคบ และการจราจรคับคั่งจึงอยากให้ประชาชนที่ใช้เส้นทางดังกล่าวเผื่อเวลาไว้บ้าง ทั้งนี้ ยังไม่มีโรงเรียนรอบบริเวณนี้แจ้งว่าจะปิดเรียน ส่วนผู้ที่ทำงานในส่วนราชการรอบทำเนียบฯคงไม่สามารถนำรถเข้ามาได้ ต้องใช้การเดินเท้าเป็นหลัก ขณะเดียวกันจะประสานตำรวจท้องที่กวดขันรถจักรยานยนต์รับจ้างที่ฉวยโอกาสเก็บค่าโดยสารแพงขึ้น-ขรก.ทำเนียบซวยยังไม่ได้เงินเดือนผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากปัญหาที่พันธมิตรฯ เข้ายึดทำเนียบ ส่งผลกระทบถึงข้าราชการและพนักงานของหน่วยงานต่างๆ ในทำเนียบ เช่น สำนักปลัดสำนักนายกฯ สำนักงานคณะกรรมการประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ หรือกปร. รวมหลายร้อยคนยังไม่ได้รับเงินเดือน เนื่องจากเจ้าหน้าที่กองคลังที่มีหน้าที่โอนเงินเดือนเข้าธนาคารเข้าทำงานทำเนียบไม่ได้ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศเวทีนปก.หน้ารัฐสภาว่า ช่วงค่ำมีส.ก.และส.ข.จากพรรครัฐบาลสลับกันขึ้นเวทีปราศรัยโจมตีกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ยึดทำเนียบและทำให้บ้านเมืองเสียหาย พร้อมทั้งปล่อยข่าวว่าส.ว.บางส่วนที่ไม่เห็นด้วยกับการประชุมสภาวันนี้จะวอล์กเอาต์ ทำให้ผู้ชุมนุมตะโกนโห่ร้องและท้าทายว่าหากเดินออกจากรัฐสภาอาจถูกทำร้ายร่างกายได้ นอกจากนี้ยังมีผู้ชุมนุมบางส่วนจับกลุ่มฟังวิทยุถ่ายทอดสดการประชุมสภา พร้อมทั้งวิจารณ์ต่างๆ นานา-นปก.ปรับแผนไล่ส.ส.-ส.ว.สรรหาเวลา 18.00 น. นายจรัล ดิษฐาอภิชัย แกนนำ นปก.กล่าวปราศรัยว่า วัตถุประสงค์การชุมนุมของนปก.ครั้งนี้ ถือว่าเปลี่ยนไปจากเดิม โดยครั้งนี้จะขับไล่ส.ว.สรรหา และส.ส.บางคน เนื่องจากการประชุมร่วม 2 สภา ไม่มีการเสนอแก้ไขวิกฤต การณ์ของบ้านเมือง แต่เป็นการอภิปรายโจมตีและกดดันนายกฯ และรัฐบาลลาออก ตนจึงเรียกร้องคนชั้นกลางออกมาร่วมชุมนุมเพื่อต่อต้านกลุ่มพันธมิตรฯ และขอท้าแกนนำพันธมิตรฯ ทั้ง 5 รวมทั้งแนวร่วม 4 คน ที่ถูกตั้งข้อหากบฏให้มาออกรายการโต้เวที จะออกช่องใดหรือเวทีไหนก็ได้ ตนทราบว่ามีบุคคล 3 กลุ่ม ที่อยู่เบื้องหลังการให้ผู้ชุมนุมยึดสนามบินภาคใต้ โดยผู้อยู่เบื้องหลังหนึ่งในนั้นแกนนำพรรคประชาธิปัตย์กระทั่งเวลา 20.30 น. กลุ่มนปก.ประกาศสลายตัวจากหน้าสภากลับไปร่วมกับพรรคพวกที่เวทีสนามหลวง-"ยะใส"ขู่รัฐบาลต้องออกใน 2 วันขณะที่เวทีพันธมิตรฯ เวลา 18.45 น. นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ พร้อมด้วยนายศิริชัย ไม้งาม ประธานสหภาพ แรงงานการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ร่วมแถลงข่าวว่า การเปิดอภิปรายของรัฐบาลวันนี้เหมือนซื้อเวลาออกไปเท่านั้น เพราะไม่สามารถแก้วิกฤตบ้านเมืองได้ รัฐบาลพยายามใช้สภาฟอกความผิดตนเอง และไม่มีท่าทีรับฟังสภาแม้แต่น้อย โดยเฉพาะการบิดเบือนข้อเท็จจริงจากเหตุการณ์ยิงแก๊สน้ำตาสลายการชุมนุมที่หน้าบช.น. ซึ่งสะท้อนวุฒิภาวะของนายกฯ อย่างดีว่า หมดเวลาทำงานแล้ว กลุ่มพันธมิตรฯ ขอประณามการเปิดสภาของรัฐบาลครั้งนี้ อย่างไรก็ตามการชุมนุมขับไล่รัฐบาลของกลุ่มพันธมิตรฯ จะดำเนินต่อไป และขอเชิญชวนพี่น้องมาร่วมชุมนุมเพื่อแสดงพลัง หากรัฐบาลยังไม่ลาออกใน 1-2 วันนี้ กลุ่มพันธมิตรฯ จะมีมาตร การเข้มข้นเพื่อขับไล่รัฐบาลต่อไปด้านนายศิริชัยกล่าวว่า เวลา 14.00 น. วันที่ 1 ก.ย. จะเชิญพี่น้องรัฐวิสาหกิจทั้งหมดมาประชุมเพื่อหารือกัน เพื่อหามาตรการตอบโต้รัฐบาล หากรัฐบาลยังทำให้ประชาชนต้องเสียเลือดเสียเนื้อ อาจมีมาตรการที่เข้มงวด จนอาจถึงนัดหยุดงานเพื่อประท้วงรัฐบาลได้-การ์ดเข้มข้นทุกประตูระวังนปก.เวลา 19.30 น. บนเวทีมัฆวานฯ จัดรายงานข่าวสลับกับดนตรี นอกจากนี้บริเวณทางเข้าฝั่งด้านอาคารสหประชาชาติและสวนมิกสกวัน มีการ์ดพันธมิตรฯ ปักหลักไม่ต่ำกว่าจุดละ 200 คน เตรียมความพร้อม กระบอง ไม้กอล์ฟ หมวกกันน็อก ไว้ป้องกัน หากกลุ่มนปก.ที่ชุมนุมอยู่หน้าสภาเข้ามาก่อกวน หลังสภาปิดอภิปรายนอกจากนี้บริเวณประตูทำเนียบทุกด้าน ยังมีการ์ดของนักรบศรีวิชัยดูแลตามประตูต่างๆ อย่างเข้มงวด และบริเวณทางเข้าสะพานอรทัย ติดกับทำเนียบมีการนำแผงเหล็กและยางรถยนต์ทำเป็นบังเกอร์ไว้ป้องกันเหตุร้าย ระหว่างนี้มีเจ้าหน้าที่พันธมิตรฯ นำห้องสุขา ห้องอาบน้ำแบบน็อกดาวน์มาตั้งตามจุดใหญ่ บริเวณถนนราชดำเนิน นอก โดยเฉพาะฝั่งประตู 5 ทำเนียบฯ ตั้งไว้ 15 ห้อง เพื่อให้ผู้ชุมนุมใช้หลังจากมีปัญหาขาดแคลนห้องน้ำ พร้อมทั้งฉีดน้ำยาฆ่าเชื้อโรคทั้งภายใน ภายนอกทำเนียบ-สนามหลวงอยู่จน 9 พันธมิตรติดคุกขณะที่เวทีนปก.สนามหลวง เวลา 19.00 น. นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไทย แกนนำนปก. กล่าวปราศรัยท่ามกลางผู้ชุมนุมกว่า 3,000 คน ว่า เราจะชุมนุมและตั้งเวทีที่นี่จนกว่าแกนนำและแนวร่วมพันธมิตรฯทั้ง 9 คนที่ถูกแจ้งข้อหากบฏจะติดคุก คืนนี้จะไม่เคลื่อนขบวนไปไหน เพราะเกรงว่ากลุ่มพันธมิตรฯจะมายึดพื้นที่จากนั้นนายวิภูแถลงให้สัมภาษณ์ว่า ตนจะประชุมแกนนำว่าจะเคลื่อนขบวนไปยังศาลาว่าการกทม.วันที่ 1 ก.ย. หรือไม่ เพื่อประท้วงนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯ กทม. ซึ่งจะสมัครลงผู้ว่าฯ กทม. เนื่องจากเห็นว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตโครงการต่างๆผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวทีนปก.ตั้งทีวีจอยักษ์ถ่ายทอดการประชุมสภาร่วม สร้างความสนใจให้กับผู้ชุมนุมอย่างมาก นอกจากนี้ด้านหลังเวทียังรับสมัครชายฉกรรจ์เป็นการ์ดดูแลพื้นที่โดยรอบกว่า 100 คน โดยให้การ์ดทั้งหมดนำบัตรประชาชนมากรอกใบสมัคร ทั้งนี้แกนนำการ์ดขอให้ผู้ชุมนุมหาแนวร่วมมาสมัครเป็นการ์ด โดยเน้นคนรูปร่างสูงใหญ่เพื่อดูแลความปลอดภัยโดยรอบสนามหลวง นอกจากนี้บนเวทียังมีนายสมชาย ไพบูลย์ ส.ข.เขตบางบอน ขึ้นเวทีปราศรัยด้วย-ผู้ว่าการขู่เอาผิดพนง.รถไฟหยุดงานวันเดียวกันเวลา 16.00 น. นายยุทธนา ทัพเจริญ ผู้ว่าการร.ฟ.ท. เปิดเผยภายหลังประชุมผู้บริหารที่ตึกบัญชาการร.ฟ.ท. หัวลำโพงว่า จากการติดตามสถานการณ์ลาหยุดงานของพนักงานหัวรถจักรและพนักงานขับรถไฟ ส่งผลกระทบต่อการเดินรถจนต้องหยุดเดินรถหลายขบวนทั่วประเทศว่า วันนี้เดินรถได้เพิ่มมากขึ้นจากเมื่อวันที่ 30 ส.ค. วันนี้ปัญหาลาหยุดงานและข้ออ้างที่ว่าไม่มีหัวรถจักร ส่งผลให้ต้องงดขบวนรถเพิ่มอีก 39 ขบวน วันนี้ต้องหยุดเดินรถแล้ว 115 ขบวน ส่วน 129 ขบวน ยังเดินรถได้ตามปกติ จากที่ร.ฟ.ท.มีให้บริการทั้งหมดแต่ละวัน 244 ขบวนสำหรับแนวทางแก้ปัญหา ผู้บริหารร.ฟ.ท.เดินทางไปพบสหภาพแรงงานและพนักงานที่สถานีรถไฟที่มีปัญหาการลาหยุดงานและนำหัวรถจักรไปกีดขวางราง คือ สถานีปากน้ำโพ นครสวรรค์ สถานีแก่งคอย สระบุรี โดยทำความเข้าใจกับพนักงานถึงภาระหน้าที่ที่ร.ฟ.ท.ต้องให้บริการประชา ชน ซึ่งผลการเจรจาได้รับการตอบรับที่ดี โดยมีพนักงานส่วนหนึ่งยืนยันว่าประสงค์กลับมาทำงาน ดังนั้นเชื่อว่าหลังจากนี้ร.ฟ.ท.น่าจะจัดขบวนรถกลับมาให้บริการเพิ่มเติมเฉลี่ยวันละ 40-50 ขบวนต่อวัน โดยจะเริ่มจากรถไฟสายเหนือเส้นทางกรุงเทพฯ-เด่นชัย กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ หลังจากนั้นจะเป็นเส้นทางสายอีสานก่อนเข้าไปแก้ปัญหาการเดินรถไฟสายใต้ต่อไปนอกจากนี้ผู้ว่าการร.ฟ.ท.ยังจัดทำหนังสือแถลง การณ์ส่งถึงพนักงานรถไฟทั่วประเทศ เรียกร้องขอให้พนักงานกลับมาทำงานตามหน้าที่ เพื่อรักษาภาพลักษณ์ขององค์กรและไม่ทำให้ร.ฟ.ท.สูญเสียรายได้จาการเดินรถขณะนี้ คำแถลงการณ์ดังกล่าวยังระบุว่าจะดำเนินการลงโทษกับพนักงานที่ลาหยุดงานขัดต่อระเบียบของร.ฟ.ท.ด้วย-กฟผ.หยุดงาน-ประปาตัดน้ำวันนี้ค่ำวันเดียวกันนายศิริชัย ไม้งาม ประธานสหภาพการไฟฟ้าฝ่ายผลิต(กฟผ.) ขึ้นอ่านแถลง การณ์บนเวทีพันธมิตรฯ ว่า พนักงานกฟผ.นัดหยุดงานตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.เป็นต้นไป และจะเข้าร่วมกับพันธมิตรฯ ขับไล่รัฐบาล จากนั้นจะมีมาตรการรุนแรงขึ้นเรื่อยๆต่อมาเวลา 21.00 น. สหภาพแรงงานรัฐวิสาห กิจการประปานครหลวง(สร.กปน.) ขึ้นเวทีประ กาศจุดยืนการที่สมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) ประกาศเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรฯ ว่า เห็นด้วยกับพล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี ที่ระบุว่าไม่ควรตั้งรับอีกต่อไป และต้องปฏิบัติการเชิงรุก ถึงแม้รัฐบาลจะใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหว ดังนั้นสร.กปน.ขอแถลงการณ์และประกาศจุดยืนอยู่ข้างพันธมิตรฯ ดังนี้ 1.สร.กปน.มีมติให้สมาชิกเข้าร่วมชุมนุมกับพันธมิตรฯ จนกว่านายสมัครจะลาออก 2. ขอประณามพฤติ กรรมรัฐบาลที่สั่งการสำนักงานตำรวจแห่งชาติใช้ความรุนแรงสลายการชุมนุม 3.มีมติให้ระงับการใช้น้ำแก่หน่วยราชการ กระทรวง ทบวง กรม ต่างๆ และ 4.ให้สมาชิกสร.กปน.ลาหยุดงานเพื่อเข้าร่วมชุมนุมตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.เป็นต้นไปจากนั้นประธานสร.ปภ.ขึ้นประกาศแถลงการณ์ เรียกร้องสมาชิกสหภาพฯ เข้าร่วมชุมนุมกับพันธมิตรฯ ตามมติของสรส. เพราะสถานการณ์บ้านเมืองเกิดความวุ่นวายจากการบริหารงานของรัฐบาล จึงมีมติดังนี้ 1. สร.ปภ.จะติดตามพฤติ กรรมของรัฐบาลที่จะใช้ความรุนแรงกับผู้ชุมนุม โดยงดการจ่ายน้ำให้กับส่วนราชการทั่วประเทศที่ค้างชำระกับกปภ. โดยจะพิจารณาเฉพาะหน่วยงานในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 2.สนับสนุนสมาชิกเข้าร่วมต่อสู้กับพันธมิตรฯ ทั่วประเทศ 3.ขอให้สมาชิกให้ความร่วมมือและลาหยุดงานเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ทำเนียบรัฐบาลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.ด้านนายเจริญ ชัยกิตติศิลป์ ผู้ว่าฯการประปานครหลวง(กปน.) กล่าวว่า ทราบแถลงการณ์ของสหภาพฯแล้ว มั่นใจว่าสาเหตุต้องมาจากเรื่องการเมือง ถูกกลุ่มพันธมิตรฯกดดันเพราะก่อนหน้านี้แกนนำสหภาพเคยคุยกับตนว่าลำบากใจ ไม่อยากสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนผู้ใช้น้ำ ครั้งนี้จึงเชื่อว่าคงเป็นแค่ขู่หยุดงาน ไม่ถึงขั้นตัดน้ำ สิ่งที่ตนเป็นห่วงคือเรื่องผลิตน้ำจะปล่อยให้หยุดกระบวนการไม่ได้เด็ดขาด วันที่ 1 ก.ย.จะเรียกผู้บริหารและฝ่ายปฏิบัติของกปน.มาประชุมทำความเข้าใจ ไม่ให้ปัญหาดังกล่าวลามไปถึงพนักงานในวงกว้าง รวมถึงเตรียมหาคนสำรองต่อไป มั่นใจว่าจะสามารถทำความเข้าใจกับพนักงานที่ปฏิบัติหน้าที่นี้โดยตรงได้
Nan_Zaa Sec 1 ID:5131601171

พันธมิตรฯปิด 7 สนามบิน ห้าม"หมัก"ลงใต้

"พันธมิตรฯใต้"แถลงปิด 7 สนามบิน ห้าม"หมัก"ลงใต้

นายสุนทร รักษรงค์ ผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิไตย ภาคใต้ กล่าวว่า พันธมิตรฯ ภาคใต้ ออกแถลงการณ์ ฉบับที่ 2 ระบุว่า ภายหลังจากนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ยังคงดื้อดึงที่จะบริหารราชการแผ่นดินต่อไป และมีการวางแผนให้กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ภาคเหนือและภาคตะวันออกฌเฉียงเหนือ เคลื่อนไหวปะทะกับพันธมิตรฯ ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อฉวยโอกาสประกาศ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน

แถลงการณ์ ระบุอีกว่า พันธมิตรฯ ภาคใต้ ขอประกาศว่า รัฐบาลหมดความชอบธรรมในการบริหารประเทศ และขอประกาศมาตรการ ดังนี้ 1.จะปิดการเดินทาง ทางอากาศของสนามบินภาคใต้ 7 แห่ง คือ สนามบินนานาชาติภูเก็ต สนามบินนานาชาติหาดใหญ่ สนามบินกระบี่ สนามบินสุราษฎร์ธานี สนามบินเกาะสมุย สนามบินนครศรีธรรมราช และสนามบินตรัง 2. จะปิดการเดินทางทางบก ตั้งแต่ อ.บ่อนอก จ.ประจวบคีรีขันธ์ 3. ขอประกาศให้นายสมัคร สุนทรเวช เป็นบุคคลต้องห้ามเข้ามาในพื้นที่ภาคใต้โดยเด็ดขาด นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ทั้งนี้ เพื่อความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง พันธมิตรฯ ขอเรียกร้องให้ลาออกจากตำแหน่งโดยทันที

จุดยืนพันธมิตรฯให้"หมัก"ลาออกนักการเมืองจริยธรรมต่ำ

นายพิภพ ธงไชย 1 ใน 5 แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ระบุถึงสาเหตุ 4 ข้อ ที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี จะต้องลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ว่า เนื่องจากนายสมัคร เป็นนักการเมืองที่มีความรุนแรงกับประชาชนตั้งแต่อดีต มีประวัติเกี่ยวข้องกับการคอร์รัปชั่น เป็นนักการเมืองเก่าแก่ที่มีจริยธรรมทางการเมืองต่ำ และเป็นนักละเมิดสิทธิมนุษยชน
ทางด้าน นายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตรฯ และที่ปรึกษาสหภาพแรงงานการรถไฟแห่งประเทศไทย ยืนยันว่า พนักงานการรถไฟฯ จะหยุดงานต่อเนื่องอีก 7 วัน ซึ่งมีผลทำให้รถไฟในหลายสายจะต้องหยุดวิ่งให้บริการ
ขณะที่บรรยากาศด้านหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ผู้ชุมนุมยังคงปักหลักทำกิจกรรมและฟังการปราศรัยบนเวทีอย่างต่อเนื่อง ส่วนตามจุดทางเข้า-ออก ของทำเนียบรัฐบาล มีการจัดเตรียมหมวกกันน็อกเพื่อสวมใส่หากเกิดเหตุปะทะกับกลุ่มต่อต้านพันธมิตรฯ และเพื่อเป็นการป้องกันผู้ชุมนุม เพราะไม่ต้องการให้ได้รับบาดเจ็บเพิ่มเติมอีก จากที่ก่อนหน้าที่ผู้ชุมนุมได้รับบาดเจ็บจากแก๊สน้ำตาและการสลายการชุมนุม และได้ถูกนำตัวไปแจ้งความที่ สน.ดุสิต และ สน.นางเลิ้ง เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาแล้ว

คุณคิดเห็นอย่างไรกับภาพเหล่านี้

ภาพเหล่านี้สะท้อนอะไร???????????





























ประกาศศึก! "เนวิน" ฟื้น "นปก." ยึดสนามหลวงประจัญหน้า "พันธมิตร" หนุน "หมัก" หนึบเก้าอี้นายกฯ


"กลุ่มเพื่อนเนวิน" ตั้งวอร์รูมหนุน "สมัคร" นั่งนายกฯ ไฟเขียว "นปก."จัดเวทีคู่ขนานฮึ่มพันธมิตร "ณัฐวุฒิ" รับลูกทันควัน ประกาศเตรียมลั่น "ฆ้องชัย" นปก.กว่า 2 พันยึดสนามหลวงลั่นชุมนุมยืดเยื้อ ยันไม่เคลื่อนไปเผชิญหน้ากัน "ชินวัฒน์" ประสานแกนนำ ตจว.ขนคนสมทบ

เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 30 สิงหาคม กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ (นปก.) ได้เคลื่อนไหวต่อต้านกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยเปิดเวทีปราศรัยที่ท้องสนามหลวง บริเวณหน้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีผู้เข้าร่วมหลายพันคน ส่วนใหญ่ใส่เสื้อสีแดง หรือมีผ้าพันคอสีแดงเป็นสัญลักษณ์

นายชินวัฒน์ หาบุญพาด แกนนำ นปก. กล่าวว่า จุดประสงค์ของการชุมนุมครั้งนี้มี 3 ประการ คือ 1.สนับสนุนรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง 2.ให้มีการบังคับใช้กฎหมายกับกลุ่มพันธมิตร 3.เป็นการประกาศว่า ประชาชนไม่ได้เห็นด้วยกับกลุ่มพันธมิตรทั้งหมด

  • เวลา 13.00 น. ที่ทำการพรรคพลังประชาชน อาคารไอเอฟซีที ถนนเพชรบุรี นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม จาก "กลุ่มเพื่อนเนวิน" กล่าวถึงกระแสข่าวนายเนวิน ชิดชอบ อดีตแกนนำพรรคไทยรักไทย เดินทางออกจากประเทศไทยไปกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ในช่วงดึกวันที่ 29 สิงหาคมที่ผ่านมา หลังกลุ่มพันธมิตรเข้ายึดทำเนียบรัฐบาลว่า นายเนวินไม่ได้เดินทางไปประเทศอังกฤษ ขณะนี้นายเนวินยังอยู่ในประเทศไทย เชื่อว่าข่าวที่ออกมานั้นมีความผิดพลาด
  • แหล่งข่าวจากพรรคพลังประชาชนเปิดเผยว่า ในช่วงเช้าวันที่ 30 สิงหาคม ที่ทำการพรรคพลังประชาชน อาคารไอเอฟซีที มีรัฐมนตรีในโควต้าของ "กลุ่มเพื่อนเนวิน" ทั้ง 4 คน ประกอบด้วย นายทรงศักดิ์ ทองศรี นายสุพล ฟองงาม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายธีระชัย แสนแก้ว รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายพงศกร อรรณนพพร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ รวมทั้งนายจตุพร พรหมพันธ์ ส.ส.สัดส่วน และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อดีตแกนนำ นปก. นั่งหารือถึงสถานการณ์ทางการเมืองที่อยู่ในภาวะวิกฤต และหารือถึงการจัดระบบการเคลื่อนมวลชนมาให้กำลังใจนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และพรรคพลังประชาชน ให้อยู่ทำหน้าที่ต่อไป รวมตั้งต่อต้านกลุ่มพันธมิตรที่ชุมนุมยึดทำเนียบรัฐบาล โดยได้แจ้งให้แกนนำ นปก. รวมทั้ง ส.ส.พรรคพลังประชาชน บางส่วนเตรียมความพร้อมไว้
  • นายจตุพรกล่าวภายหลังการประชุมว่า ขณะนี้แกนนำ นปก.ได้หารือและมีความคิดเห็นไปในทางเดียวกันว่าการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรวันนี้เลยเถิดไปมากแล้ว เพราะกระทำตนเป็นพวกอนารยะขัดศาล ไม่สนใจกฎหมาย ที่ผ่านมาประชาชนผู้ไม่เห็นด้วยกับการกระทำของกลุ่มพันธมิตรไม่ออกมาเคลื่อนไหวเพราะเกรงว่าประเทศจะวุ่นวาย แต่วันนี้ไม่ได้แล้ว เมื่อกระบวนการยุติธรรมถูกละเลย และรัฐบาลไม่สามารถนำคำวินิจฉัยของศาลให้เป็นไปตามกฎหมายได้ นปก.อาจจะต้องออกเคลื่อนไหวเร็วกว่าเวลาที่สมควร ขณะนี้กลุ่มผู้ขับแท็กซี่ได้เริ่มก่อกองไฟความไม่พอใจกลุ่มพันธมิตรไว้ที่สนามหลวงบางส่วนแล้ว เชื่อว่าต่อไปประชาชนที่ไม่พอใจกลุ่มพันธมิตรจะออกมาร่วมแบบมืดฟ้ามัวดิน
  • นายณัฐวุฒิกล่าวว่า วันนี้ประชาชนฝ่ายประชาธิปไตยกำลังจับตามองการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะกรณีกลุ่มพันธมิตรวันนี้ไม่ยอมรับในอำนาจตุลาการ อำนาจนิติบัญญัติ และอำนาจบริหาร จนทำให้ประชาชนฝ่ายประชาธิปไตยเกิดความไม่พอใจ กลุ่มพันธมิตรไม่ควรคิดว่าตัวเองมีนกหวีดเพียงคนเดียว เพราะวันนี้กลุ่มประชาชนฝ่ายประชาธิปไตยเตรียมลั่นฆ้องชัยแสดงพลังทุกแนวทางในไม่ช้านี้ เพราะบ้านเมืองไม่สามารถแบกรับความเสียหายที่กลุ่มพันธมิตรสร้างไว้ได้นานนัก
  • ทางด้านเวทีพันธมิตรที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตร กล่าวบนเวทีในทำเนียบรัฐบาลเมื่อเวลา 13.00 น. ว่าขณะนี้มีข่าวว่ากลุ่ม นปก.จะเข้าจู่โจมบ้านเจ้าพระยา ถนนพระอาทิตย์ ที่ตั้งของสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี จึงขอกำลัง 2,000 คน รีบไปดูแลอารักขาบ้านพระอาทิตย์ แต่ให้ผู้ชุมนุมส่วนใหญ่อยู่ในทำเนียบรัฐบาลที่มีความสำคัญกว่า
  • จากนั้นอาสาสมัครพันธมิตรประมาณ 1,000 คน ได้เคลื่อนขบวนเดินทางไปถึงบ้านเจ้าพระยาเวลา 13.45 น. ส่วนใหญ่สวมใส่หมวกกันน็อค บ้างถือธง ไม้กอล์ฟ และไม้ไผ่ติดตัวไปด้วย หลังจากรอกลุ่ม นปก.ประมาณ 30 นาที ไม่มีใครมาก็สลายตัวกลับทำเนียบ
  • นายชินวัฒน์ หาบุญพาด แกนนำ นปก.กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า นปก.จะชุมนุมแบบอสิงหาของจริง ยืนยันว่าจะไม่เคลื่อนไปเผชิญหน้ากับกลุ่มพันธมิตร ส่วนการชุมนุมจะยืดเยื้อแค่ไหนขึ้นอยู่กับเจ้าหน้าที่ตำรวจและการบังคับใช้กฎหมาย ตราบใดที่กลุ่มพันธมิตรยังปักหลักชุมนุมอยู่ในทำเนียบรัฐบาล นปก.จะชุมนุมยืดเยื้อต่อไป ขณะนี้ได้ติดต่อกับแกนนำในต่างจังหวัดแล้ว เพื่อนำมวลชนมาสมทบที่ กทม. ซึ่งน่าจะมาสมทบภายใน 1-2 วันนี้
  • พล.ต.ต.สุพร พันธุ์เสือ รอง ผบช.น. และโฆษก บช.น. แถลงว่า ได้จัดเจ้าหน้าที่ตำรวจไปควบคุมสถานการณ์ที่สนามหลวง เชื่อว่าไม่มีการปะทะ อาจจะเป็นการแสดงพลัง หรือแสดงจุดยืนเท่านั้น
  • เวลา 19.45 น. ผู้สื่อข่าวรายงานจากเวที นปก.สนามหลวงว่า พิธีกรบนเวที ได้ขออาสาสมัครชายจำนวน 200 คน โดยระบุว่าต้องการนำคนไปเคลื่อนไหวในวันที่ 31 สิงหาคม อาจจะเดินทางไปสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส หรือเอเอสทีวี หรือไปที่ทำเนียบก็ได้ อย่างไรก็ตาม จากการสอบถามแกนนำ นปก.ก็ไม่ได้รับคำตอบว่าจะนำชาย 200 คนดังกล่าวไปเคลื่อนไหวที่ไหน โดยให้รอดูวันที่ 31 สิงหาคม
  • จากนั้นพิธีกรบนเวทีได้ประกาศระดมผู้ชุมนุมให้ไปรวมตัวกันที่หน้ารัฐสภา ในวันที่ 31 สิงหาคม เวลา 06.00-07.00 น. เพื่อให้กำลังใจรัฐบาลในการประชุมรัฐสภา โดยขอให้ผู้ชุมนุมไปร่วมให้เยอะที่สุด
  • เวลา 20.00 น. นายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำ นปก.ออกอากาศรายการ "ความจริงวันนี้" บนเวที นปก.ที่ท้องสนามหลวง นอกจากนี้ยังมีพระมหาสาธิตวาที นิสิตมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย นายจรัล ดิษฐาภิชัย มาร่วมอภิปรายบนเวที

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน

6พรรคร่วมหนุน"สมัคร"นั่งนายกฯมั่นใจ2สภาแก้ปัญหาได้


แกนนำ 6 พรรคร่วมรัฐบาล แถลงยืนยันไม่มีการหารือให้"สมัคร"ลาออก ระบุ ยังไว้ใจให้เป็นผู้นำรัฐบาลต่อ เพราะทุกอย่างสามารถขับเคลื่อนไปได้ เชื่อเวที 2 สภามีทางออกให้ประเทศ(30ส.ค.) เวลา 22.00 น. หลังการหารือแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล 6 พรรค กว่า 2 ชม.ที่โรงแรมเพนนินซูล่า จากนั้นแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลได้ร่วมแถลงข่าว โดยนพ.สุรพงษ์ สืบวงษ์ เลขาพรรคพลังประชาชน แถลงว่า วันนี้มีการหารือของพรรคร่วมรัฐบาล 6 พรรคเป็นการหรือ 2 ประเด็น หลังพรรคร่วมทำงานร่วมกันมา 7 เดือน หนึ่งเราได้ทำงานร่วมกันอย่างเหนียวแน่น และสามารถขับเคลื่อนนโยบายให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติจะเห็นว่ารัฐบาลสามารถทำการบริหารประเทศให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชนและประเทศชาติได้ สองได้หารือเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เราเห็นว่าควรมีการเปิดประชุมรัฐสภาเพื่อภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติเนื่องจากเห็นว่ารัฐสภาเป็นกลไกหนึ่งที่จะใช้เพื่อหาทางออก และเชื่อว่าแม้ปัญหาจะหนักเหนี่ยวสักเพียงใดถ้าให้รัฐสภามีบทบาทในการแก้ปัญหา ให้สส.นำข้อมูลต่างๆที่ฟังความคิดเห็นประชาชนมาเสนอต่อรัฐสภาก็ถือว่าเป็นทางออกที่ดีที่สุดและน่าจะนำไปสู่ทางออกได้ต่อข้อถามที่ว่า ได้มีการหารือว่านายกฯควรลาออกหรือไม่นพ.สุรพงษ์ กล่าวว่า ไม่มีการพูดเรื่องนี้ทั้งหกพรรคเห็นว่าการทำงานตลอด 7 เดือน สามารถดำเนินนโยบายต่างๆ เพื่อแก้ปัญหาให้ประชาชนได้ และทุกอย่างก็ขับเคลื่อนไปได้ และยืนยันว่าไม่มีการพูดเรื่องการเปลี่ยนตัวนายกฯเพราะเราเชื่อมั่นว่านายสมัครสามารถเป็นผู้นำรัฐบาลได้ ถามว่า พันธมิตรบอกว่าจะยุติการชุมนุมเมื่อนายสมัครลาออก นพ.สุรพงษ์ กล่าวว่า เชื่อว่ารัฐสภาจะมีทางออกสำหรับเรื่องนี้เพราะรัฐสภาถือเป็นตัวแทนประชาชน และจะนำความคิดเห็นประชาชน จากฝ่ายต่าง ๆ มาหารือส่วนความเห็นพันธมิตรก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งถามว่า หากการประชุมรัฐสภาไม่เป็นผลสำเร็จรัฐบาลจะมีแผนสองหรือไม่ นพ.สุรพงษ์ กล่าวว่า เรายังเชื่อมั่นการประชุมรัฐสภาว่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด และการประชุมวันนี้ก็ไม่มีการหารือเรื่องการออกพรก.ฉุกเฉิน ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุใดนายสมัครไม่ร่วมหารือและพรรคร่วมมีการพูดคุยกับนายสมัครแล้วหรือไม่ นายบรรหาร กล่าวว่า นายสมัครมีธุระและยุ่งตลอดสองวันที่ผ่านมาก็ยุ่งมาวันนี้มีตัวแทนถึงระดับเลขาและรองหน.พรรคมาร่วมก็ไม่จำเป็นที่นายสมัครต้องเดินทางมาหารือวันนี้เป็นภาคต่อที่ทางพรรคร่วมรัฐบาลได้ร่วมหารือที่บ้านตน คาดว่าน่าจะมีการพุดคุยกับนายสมัคร ที่รัฐสภาพรุ่งนี้และตนเชื่อมั่นในระบบรัฐสภาว่าจะสามารถแก้ไขวิกฤติบ้านเมืองได้เพราะที่ผ่านมา เราก็ใช้รัฐสภาเป็นที่แก้ปัญหาต่าง ๆ ได้

พบมือปาแก๊สน้ำตาเสื้อขาว เผยเป็นชายอยู่นอกรั้วบช.น.


พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าววันนี้ (30 ส.ค.) ถึงความคืบหน้าการสืบสวนสอบสวนคดีมือปาระเบิดแก๊สน้ำตาเข้าใส่ฝูงชนที่ชุมนุมบริเวณหน้ากองบัญชาการตำรวจนครบาล ค่ำวานนี้ ว่า จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ที่ได้ตรวจสอบเทปบันทึกภาพเหตุการณ์ที่สื่อมวลชนบันทึกภาพไว้ พบว่า มือปาระเบิดแก๊สน้ำตาเป็นชายสวมเสื้อขาว อยู่บริเวณด้านนอกรั้วของกองบัญชาการตำรวจนครบาล อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้มีการตั้งข้อกล่าวหา เนื่องจากต้องตรวจสอบข้อมูลอื่นๆอย่างรอบคอบก่อน เพื่อป้องกันความผิดพลาด รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวต่อถึงการประชุมที่มี พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ร่วมหารือ ได้สรุปสถานการณ์วันนี้ ว่า กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ปักหลักชุมนุมอย่างต่อเนื่องบริเวณหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล มีอยู่ประมาณ 25,000 คน ขณะที่กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) บริเวณท้องสนามหลวงมีประมาณ 8,000 คน จึงได้สั่งการให้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจไปดูแลรักษาความปลอดภัย พร้อมกำชับให้แยกผู้ชุมนุมทั้งสองกลุ่มออกจากกันอย่างเด็ดขาด ส่วนการประชุม 2 สภา ที่รัฐสภา วันพรุ่งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะวางกำลังตั้งแต่ช่วงเช้าเพื่อป้องกันไม่ให้มีผู้ใดเข้าไปขัดขวางการประชุมได้


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

30 สิงหาคม 2551

นปก.ปลุกคนรักพปช. ตำรวจยันไม่กลับกรม

นปก.ปลุกคนรักพปช. ตำรวจยันไม่กลับกรม
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ในช่วงค่ำวันนี้ (30 ส.ค.) ยังคงมีผู้ชุมนุมทยอยเดินทางมาสบทบอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดทางพันธมิตรฯ เปิดเผยว่า มีผู้ไม่หวังดีใช้โทรโข่งเชิญชวนผู้ชุมนุมไปยังท้องสนามหลวง เพื่อให้เกิดการปะทะกับกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) ซึ่งชุมนุมอยู่ที่นั่น โดยทางพันธมิตรฯ กำลังหาตัวผู้กระทำการดังกล่าวส่วนบรรยากาศที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ยังคงมีการสับเปลี่ยนกำลังตำรวจดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด โดยจากการประชุมประเมินสถานการณ์ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้กำชับให้หาตัวคนยิงแก๊สน้ำตาเมื่อช่วงค่ำวานนี้ (29 ส.ค.) มาดำเนินคดีให้ได้
ด้าน พล.ต.ต.สุรพล เทียนทอง รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยืนยันตำรวจไม่สามารถรับข้อเสนอของพันธมิตรฯ ที่ให้ตำรวจกลับเข้ากรมกองได้ เพราะต้องทำหน้าที่ดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัย และได้จัดเจ้าหน้าที่ดูแลการชุมนุมของกลุ่ม นปก.ที่ท้องสนามหลวงแล้ว โดยทางตำรวจกำลังมีการประชุมเพื่อประเมินสถานการณ์ทั้งหมดอีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ เมื่อเวลา 16.00 น. นายวราวุธ ฐานังกรณ์ หรือนายสุชาติ นาคบางไทร ว่าที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) ให้สัมภาษณ์ว่า แกนนำได้เชิญชวนประชาชนผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยมาชุมนุมที่สนามหลวง โดยมีจุดประสงค์เพื่อแสดงพลังต่อต้านกับการไม่เห็นด้วยกับกลุ่มพันธมิตรฯ ให้กำลังใจนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เพราะทนไม่ได้ที่เห็นนายสมัครถึงขนาดต้องยกมือไหว้ต่อหน้าสื่อมวลชน คิดว่าคงอึดอัดใจมาก เลยอยากให้กำลังใจ
"คนที่เลือกพรรคพลังประชาชนต้องออกมาให้กำลังใจรัฐบาล ต่อสู้กับคนทำผิดกฎหมาย และต้องแสดงพลังเงียบออกมา" นายสุชาติกล่าว
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าการเรียกรวมมวลชนของ นปก.เพื่อไปปะทะกับกลุ่มพันธมิตรฯ นั้น นายสุชาติ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวตนยังไม่ได้พูดคุยกับแกนนำคนอื่น ต้องคุยกับนายชินวัฒน์ หาบุญพาด นายกสมาคมพิทักษ์สิทธิประโยชน์ผู้ขับรถแท็กซี่ แกนนำอีกคนก่อน กระแสข่าวดังกล่าวทำให้พันธมิตรฯ มีความชอบธรรมในการทำงานเชิงรุก ซึ่งขอยืนยันว่า นปก.ยังไม่คิดไปปะทะกับกลุ่มพันธมิตรฯ แต่อย่างใด และจะพยายามหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากัน
ด้านนายชินวัฒน์ ยืนยันว่า การเปิดเวทีของนปก.เพื่อเป็นกำลังใจให้รัฐบาลและประกาศเจตนารมณ์ไม่เห็นด้วยกับพันธมิตรฯ ส่วนกรณีที่มีข่าวว่า นปก.จะบุกบ้านพระอาทิตย์นั้นเป็นการสร้างสถานการณ์ของกลุ่มพันธมิตรฯ มากกว่า เพราะ นปก.ชุมนุมกันอย่างสงบ ปราศจากอาวุธ ยืนยันจะเปิดเวทีต่อไปหากพันธมิตรฯ ไม่ยุติการชุมนุม ขณะนี้กำลังระดมสมาชิก นปก.ในต่างจังหวัดให้มาชุมนุมที่ท้องสนามหลวง เพื่อแสดงพลังให้เห็นว่าเราไม่ยอมรับกบฏที่อยู่เหนือกฎหมาย แม้แต่ทหารมาปฏิวัติเราก็ยังขับไล่
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า มีผู้มาฟังการปราศรัยประมาน 500 คนขณะที่ท้องสนามหลวงฝั่งโรงละครแห่งชาติ เครือข่าย นปก.ได้จัดตั้งเวทีใหญ่เพื่อเตรียมการปราศรัย ซึ่งทุกวัน นปก.จะมีเวทีย่อยประจำการที่สนามหลวงอยู่แล้ว เมื่อเวทีตั้งเสร็จผู้ชุมนุมทั้งหมดจะมารวมกันที่เวทีใหญ่ โดยทีมงานและผู้ชุมนุมที่สวมเสื้อสีแดงได้เริ่มทยอยเดินทางมา รวมทั้งนายจรัล ดิษฐาอภิชัย ก็เดินทางมาถึงเวทีใหญ่ของ นปก.แล้วเช่นกัน

ข่าวจาก ไทยรัฐ 30/สค/51

28 สิงหาคม 2551

พันธมิตรฯ ผวาพบอาวุธเพียบ บรรจุ3ลังวางในอาคารประตู4

ม็อบพันธมิตรฯผวาหลังพบอาวุธอยู่ในลัง 3 ลัง ภายในอาคารรักษาการณ์บริเวณประตู 4 ด้านจำลอง ศรีเมือง ปลุกม็อบตื่น เตรียมพร้อมรับมือรุ่งสาง
(29ส.ค.) เวลา 04.00 น.เรือตรีแซมดิน เลิศบุตรี อายุ 55 ปี ตัวแทนกองทัพธรรมและนายกิตติชัย ใสสะอาด 45 ปี หัวหน้าการ์ดพันธมิตรฯเดินทางเข้าแจ้งความกับ พ.ต.ต.เอกพล ทวิวงศ์ไชยกุล สารวัตรเวรสน.ดุสิตว่า พบอาวุธสงครามชนิดเอ็ม 16 จำนวน 17 กระบอก กระสุน 6,000 นัด ปืนเอชเค 13 กระบอก กระสุน 440 นัด อาวุธปืนขนาด.38 และกระสุน 2,400 นัด ซุกอยู่ในลัง 3 ลัง และถูกใช้ไปแล้วบางส่วน ภายในอาคารรักษาการณ์ตำรวจสันติบาล บริเวณประตู 4 ทำเนียบรัฐบาล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้เวลาเที่ยงคืน แกนนำพันธมิตรฯได้สั่งให้เปิดแนวรั้วเหล็กของตนเองที่กั้นอยู่ประตู 7 ทำเนียบรัฐบาล และให้ผู้ชุมนุมคล้องแขนเป็นแถวเพื่อเตรียมผลักดันตำรวจออกจากพื้นที่การชุมนุมภายในทำเนียบรัฐบาล หลังจากนั้น 20 นาทีนายอมร อมรรัตนานนท์ แกนนำพันธมิตรฯเจรจากับ พ.ต.อ.อุทาสิน ฤทธิ์เรืองเดช ให้ตำรวจออกนอกพื้นที่ทำเนียบรัฐบาล
โดยตำรวจขอประวิงเวลาการถอนกำลัง แต่พันธมิตรฯระบุว่า ได้ประสานตำรวจตั้งแต่ช่วง 21.00 น.แต่เจ้าหน้าที่ไม่ตอบสนอง จะให้เวลาตำรวจอีก 15 นาที จากนั้น พ.ต.อ.อุทาสิน ขอตัวไปประสานกับผู้บังคับบัญชาอีกครั้ง อย่างไรก็ตามภายหลังการเจรจาไม่สำเร็จ กลุ่มพันธมิตรฯได้รวมตัวกันเดินประชิดตำรวจเพื่อให้ออกจากพื้นที่ทำเนียบรัฐบาล โดยตำรวจทำได้เพียง ยกโล่ขึ้นป้องกันและถอยร่นออกไป ซึ่งตำรวจมี 200 -300 นาย ถอยร่นออกนอกพื้นที่ทำเนียบรัฐบาลทั้งหมด
พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯขึ้นเวทีปราศรัยว่าตลอดทั้งวันที่ผ่านมามีการปล่อยข่าวอย่างต่อเนื่องว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเข้าสลายการชุมนุม ตนไม่อยากให้พี่น้องที่มาร่วมปักหลักชุมนุมตกอกตกใจ ตนขอให้ทุกคนอยู่ชุมนุมกันต่อไป
จากนั้น นายสำราญ รอดเพชร กล่าวว่า ได้รับจดหมายน้อยจาก พล.ต.จำลอง ให้นำมาอ่านให้รับทราบทั่วกันว่า มีนายตำรวจยศนายพล เข้าร่วมชุมนุมกับพันธมิตรนได้เล่าให้พล.ต.จำลอง ว่า ช่วง 05.00 - 08.00 น. เป็นช่วงที่ผู้ชุมนุมต้องเดินทางกลับ เป็นช่วงที่มีผู้ชุมนุมน้อยลง อาจทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้เวลาช่วงนี้เข้ามาสลายการชุมนุมได้
ดังนั้น พล.ต.จำลอง อยากขอร้องให้ผู้ที่อยู่นอกรั้วทำเนียบฯเข้ามาอยู่ภายในเวลาดังกล่าว เป็นการทดแทน นายตำรวจคนดังกล่าวยังแจ้งแผนการสลายการชุมนุมว่า หากช่วงเวลาที่มีผู้ชุมนุมน้อย ตำรวจก็จะเตรียมกำลังประมาณ 7,000 นาย ปีนข้ามกำแพงด้านหลังทำเนียบฯเข้ามา จากนั้นจะทำการผลักดันผู้ชุมนุมออกจากทำเนียบฯ ไปยังสะพานชมัยมรุเชษฐ และจะใช้หน่วยจู่โจม เข้าจับกุมแกนนำฯทันที จึงอยากขอให้ผู้ชุมนุมอยู่ร่วมในเวลาดังกล่าว เพราะหากมีผู้ชุมนุมอยู่มาก เจ้าหน้าที่ก็ไม่สามารถเข้าสลายการชุมนุมได้
ข้อมูลจาก คม ชัด ลึก

Nan_zaa Sec 1 ID:5131601171

ตร.1,000นายฝ่าด่านพันธมิตร เข้าทำเนียบฯ ได้แล้ว


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.45 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจประมาณ 1,000 นาย ได้ฝ่าแนวรั้วของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ตั้งด่านสกัดตรงบริเวณสำนักงานสพฐ. กระทรวงศึกษาธิการ และกองบัญชาการตำรวจนครบาล

เข้ามาประชิดกับแนวรั้วของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ตั้งอยู่บริเวณสี่แยกมิสกวัน โดยตำรวจได้นำกระบองมาตีเกราะ และโห่ร้อง ซึ่งเป็นการสร้างความตกใจให้เจ้าหน้าที่และข้าราชการกระทรวงศึกษาธิการเป็นอย่างมาก ทำให้ข้าราชการวิ่งกรูกันขึ้นไปบนดาดฟ้าของอาคาร สพฐ. เพื่อสังเกตการณ์และปรบมือโห่ร้อง และบอกว่าอย่าทะเลาะกัน อย่าตีกัน ขณะที่กลุ่มพันธมิตรฯ ได้นำลังน้ำโพลาริส ที่มีผู้บริจาคมากองกั้นเป็นกำแพงเพื่อป้องกันเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าสลายการชุมนุม เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ห่างจากผู้ชุมนุมเพียง 100 เมตร จากนั้น เวลา 10.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ฝ่าด่านสกัดและเข้ารื้อข้าวของของพันธมิตรฯ สำเร็จ โดยใช้เวลานานร่วม 10 นาทีก็สามารถฝ่ากำแพงแนวรั้วของพันธมิตรฯได้ โดยเข้ามาตั้งหลักอยู่ที่แยกมิสกวัน และไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ต่อมา 10.10 น. ตำรวจจำนวนหนึ่งได้บุกเข้าไปในทำเนียบฯ บริเวณประตู 5 ฝั่งตรงข้ามกระทรวงศึกษาฯ ได้เป็นผลสำเร็จ ส่วนกลุ่มนายตำรวจที่อยู่บริเวณแยกมิสกวัน ได้มีการตั้งแถวเตรียมที่จะมุ่งหน้าเข้าสู่ทำเนียบฯด้านประตู 5 เช่นกัน ขณะที่พิธีกรบนเวทีได้มีการประกาศเป็นระยะว่ากลุ่มผู้ชุมนุมอย่าตื่นตกใจ ทั้งหมดเป็นเพียงการข่มขวัญ เพราะอย่างไร เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่สามารถสลายการชุมนุมที่ทำเนียบฯ ได้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจาก ตำรวจนับพันนายได้เข้าไปในทำเนียบฯ จากนั้นมีนายตำรวจร่วม 300 นายได้มายืนติดประตู 5 ของทำเนียบฯฝั่งตรงข้ามกระทรวงศึกษาธิการไม่ให้พันธมิตรฯ ผ่านเข้าออก
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน
micky_mai section 1 5131601003

เรื่องของตะเกียง...คำสอนของอากง


พักเรื่องเครียดๆมาอ่านเรื่องในมุมมองที่แตกต่างกันบ้างนะค้า....


ลองอ่านจนจบดูนะคร่ะ ถึงยาวไปหน่อย แต่พออ่านแล้วจะได้มุมมองที่เปลี่ยนไปค่ะ





สละเวลาลองอ่านมันซักนิดเถอะค่ะ มันไม่ได้น่าเบื่อ อย่างที่คิด....






ากงแก่ๆ คนหนึ่ง รับหน้าที่เลี้ยงดูหลานที่กำลังอยู่ในวัยซนทั้งสี่

หลานทั้งสี่ก็เล่นกันบ้าง ตีกันบ้างตามประสาเด็ก

แต่ครั้งหนึ่งรุนแรงจนถึงขนาดที่อากงต้องออกโรงห้ามปรามเมื่ออารมณ์ทุกฝ่ายสงบลง อากงจึงเรียกหลานๆมาล้อมโต๊ะคุยกัน

อากงบอก “เอาล่ะหลานๆ หลับตานะ หลับตา”พอหลานๆหลับตา อากงก็เดินกลับเข้าไปห้องเก็บของแล้วหยิบตะเกียงเก่าๆ ออกมาอีกอันหนึ่ง

อากงเปิดฝาครอบ จุดไฟ แล้วปิดฝาครอบ จากนั้นก็บอกหลานทั้งสี่ให้ลืมตา “บอกซิว่าโคมไฟสีอะไร”

เด็กทั้งสี่ลืมตาขึ้น เห็นเปลวไฟในตะเกียงสี ต่างแย่งกันตอบ

คนที่นั่งด้านหนึ่งบอกว่า สีแดง

อีกด้านหนึ่งบอก สีเขียว

อีกด้านหนึ่งบอก สีเหลือง

และอีกด้านหนึ่งเห็น สีน้ำเงิน

จากคำตอบเล็กๆ กลายเป็นเสียงถกเถียง และเริ่มทะเลาะกันอย่างรุนแรงขึ้นอีกครั้ง จนเกือบกลายเป็นกรณีพิพาท

อากงนิ่ง ปล่อยให้อารมณ์ราวกับพายุของหลานทั้งสี่เริ่มสงบลง

หลานคนหนึ่งจึงเอ่ยปากถามว่า “อากงของอย่างเดียวกัน ทำไมจึงมีตั้งหลายสี ?

อากงยิ้มแล้วบอกว่า “อากงจะทำอะไรให้ดู”

อากงเดินไปที่โต๊ะหยิบฝาครอบตะเกียงออก แล้วหมุนฝาครอบนั้นให้หลานๆดู

ปรากฏว่าฝาครอบตะเกียงนั้น ทั้งสี่ด้าน มีสีที่แตกต่างกันไป สีแดง สีเหลือง สีเขียว สีน้ำเงิน

อากงถามอีกว่า “คราวนี้บอกอากงซิว่า เห็นตะเกียงเป็นสีอะไร ?”


“สีของไฟ” หลานๆตอบเป็นเสียงเดียวกัน

“อากงขอถามอะไรสักสองข้อ เมื่อสักครู่นี้ใครตอบผิด ?”

หลานๆตอบโดยพร้อมเพรียงกัน “ไม่มีใครผิด”


อากงจึงกล่าวต่อไปว่า “เจ้าทั้งสี่นั่งอยู่ในที่เดียวกัน มองของอย่างเดียวกันในเวลาเดียวกัน ยังเห็นไม่เหมือนกัน นั่นก็เพราะคนทุกคนมองตะเกียง จากมุมมองของตัวเอง มองในสิ่งที่ตัวเองเห็น และก็เชื่อมั่นในสิ่งที่เห็น”


“ต่อไปในอนาคต เวลาที่พวกหลานๆ ต้องเข้าไปอยู่ในสังคม จะต้องพบคนต่างๆ มากมายที่มองสิ่งเดียวกัน แต่กลับเห็นไม่เหมือนกัน เพราะมีมุมมองที่แตกต่างกัน ก็อย่าไปโกรธเขา”

“เพราะนั่นเป็นเพียงแต่เป็นการมองต่างมุม ไม่มีใครถูก ไม่มีใครผิด”

“และอย่าไปกลัวว่า ตัวเองจะผิดที่มองไม่เห็นเหมือนคนอื่น เพราะแต่ละคนก็จะมองเห็นสิ่งต่างๆ ด้วยขอบข่ายจากประสบการณ์ และจากสิ่งแวดล้อมของตนเอง”

“ถ้าเราอยากเข้าใจว่า ทำไมคนอื่นถึงคิดแบบนั้น เห็นแบบนั้น ก็จงเดินไปที่มุมของเขา เราก็จะรู้ว่าเขาคิดอะไร ทำให้เราเข้าใจคนอื่นได้มากขึ้น และเมื่อเราเข้าใจคนอื่นมากขึ้น จะทำให้คนอื่นยอมที่จะเดินมาและเข้าใจหลานเช่นกัน”



อากงถามต่อ “แล้วสิ่งที่เห็นครั้งแรกกับครั้งหลังเป็นของอย่างเดียวกันไหม”


หลานๆตอบ “อย่างเดียวกัน แต่ไม่เหมือนกัน”

“อย่างไร ?” อากงถาม

หลานตอบว่า “ครั้งแรกเราเห็นแต่ฝาครอบตะเกียงแต่ครั้งหลังเราเห็นเปลวไฟที่อยู่ในตะเกียง”

อากงจึงกล่าวว่า

“นี่เป็นการบอกว่า จงอย่ามองสิ่งต่างๆ เพียงแค่ที่เห็น...แต่จงเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างที่มันเป็น”

ขอบคุนมากๆน้ะคร๊า..>>> http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=iamcake&date=14-04-2006&group=4&gblog=6

จากเรื่องที่อ่านนี้นะค่ะ หวังว่าผู้ที่ได้อ่านจนจบถึงตรงนี้ ก็คงจะได้อะไรไปหลายๆอย่างนะค่ะ ลองเอากลับไปคิดทบทวนนะค่ะว่าสิ่งที่อากงพูดไปนั้น เป็นเรื่องจริงหรือปล่าว...แร้วลองเอาไปประยุกต์ใช้กับสังคมของเราปัจจุบันนะค่ะ สุดท้ายคร้า ขอขอบคุนทุกๆคนที่นั่งอ่านมาถึงนี่นะค่ะ แล้วเจอกัลครั้งหน้าคร้า







~whitetiiz~5131601223

จาตุรนต์ ชมกองทัพย้ำไม่ปฏิวัติ 28 ส.ค. 51

วานนี้ (27 ส.ค.) เวลา 16.00 น. ที่โรงแรมเรดิสัน นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย แถลงถึงการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยว่า การไม่ยอมรับกติกาของกลุ่มพันธมิตรฯ เป็นความคิดแบบอนาธิปไตยที่พยายามเคลื่อนไหวทุกวิถีทาง เพื่อให้มีการปฏิวัติรัฐประหาร มุ่งล้มรัฐบาลโดยใช้กำลัง อาวุธและความรุนแรง แต่มั่นใจว่าการกระทำดังกล่าวจะไม่สามารถยึดอำนาจได้สำเร็จ แม้กดดันโดยใช้กำลังให้ รัฐบาลควรลาออก เพราะการเรียกร้องของกลุ่มพันธมิตรฯไม่มีความชอบธรรม พยายามขับไล่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งที่ถูกต้อง ทำให้ขาดการสนับสนุนจากฝ่ายต่างๆ สังคมไทยจึงไม่เห็นดีเห็นงามกับแนวคิดที่จะให้เกิดการรัฐประหารอีกแล้ว เพราะก่อนหน้านี้ประเทศเคยผ่านจุดที่วิกฤติในลักษณะดังกล่าวมาก่อนแล้วจึงทำให้ไม่ได้รับความร่วมมือ อย่างไรก็ตาม ต้องขอขอบคุณผู้นำกองทัพที่ให้ความเชื่อมั่นว่าจะไม่ให้เกิดการปฏิวัติรัฐประหาร ดังนั้น องค์กรประชาธิปไตยควรจะมอบดอกไม้ให้กองทัพอีกครั้ง ส่วนรัฐบาลต้องอดทนต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และหลีกเลี่ยงความรุนแรงอย่างสุดความสามารถ ถึงจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดของเหตุการณ์นี้

พปช.หนุนมาตรการจับแกนนำพันธมิตร

ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกพรรคพลังประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีศาลอนุมัติหมายจับแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย 9 คน ว่า ถือเป็นการดำเนินการตามกฎหมายอย่างละม่อม โดยไม่ได้ใช้ความรุนแรงมาจัดการ เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว เพราะตลอดที่ผ่านมารัฐบาลใช้ความอดทน อดกลั้นมาตลอด ดังนั้นเมื่อมีการกระทำความผิดเกิดขึ้น รัฐบาลต้องดำเนินคดี เพราะบ้านเมืองมีกฎหมาย มีขื่อมีแปอยู่
ด้านนายศุภชัย โพธิ์สุ ส.ส.นครพนม รองโฆษกพรรคพลังประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องเดียวกันว่า เชื่อว่าเป็นผลดีต่อประเทศโดยรวม เนื่องจากพฤติกรรมกลุ่มพันธมิตรฯ เป็นภัยต่อประเทศไทย และระบอบการปกครองระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข และเชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วยกับที่ศาลอนุมัติหมายจับ จะเห็นได้จากผลสำรวจของกรุงเทพโพลที่ระบุชัดประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 72.6 ไม่ยอมรับกับพฤติกรรมการชุมนุมของพันธมิตรฯ เพราะเป็นการเคลื่อนไหวทำให้ประเทศเสียหายทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และนานาชาติโดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยวนั้น วันนี้เสียหายอย่างยับเยินแล้ว

“พัลลภ” โวยลั่นไม่ยุ่งกลุ่มพันธมิตร

วันเดียวกัน พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรองผู้อำนวย การรักษาความมั่นคงภายใน (รอง ผอ.รมน) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกรัฐบาล ออกมาระบุ ว่า พล.อ.พัลลภและ น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ อดีตประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญ อยู่เบื้องหลังม็อบพันธมิตรฯและกลุ่มนักรบศรีวิชัยว่า ไม่จริง ไม่รู้จักกับคนพวกนี้ ไม่เคยยุ่งกับกลุ่มนี้แม้แต่ครั้งเดียว ดังนั้น จะไปเกี่ยวได้อย่างไร ในกลุ่มที่ตนรู้จักมีแต่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง เท่านั้นเพราะเรียนด้วยกันและเป็นเพื่อนกันมานานตั้งแต่สมัยเรียน จปร. แต่ความคิดในการดำเนินการทางการเมือง ไม่ค่อยเหมือนกัน ไม่ค่อยไปยุ่งอะไรกับเขา ต่างคนต่าง ทำงานการเมืองในวิถีทางของตนเอง จึงแปลกใจที่มีข่าวว่าตนอยู่เบื้องหลังม็อบนี้ ขอย้ำอีกครั้งว่าที่ผ่านมาไม่เคยยุ่งกับม็อบนี้สักครั้ง ไม่เคยไปร่วม ไม่เคยขึ้นเวที จึงสงสัยว่าเหตุใดจึงโยงตนไปเกี่ยวกับม็อบนี้ได้

“เตช” ร่อนหนังสือแจงต่างชาติ

ด้านนายเตช บุนนาค รมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า ทางกระทรวงการต่างประเทศได้ออกโทรเลขถึงสถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่ของไทยในต่างประเทศทั่วโลกแล้ว โดยลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่เวลา 05.30 น. ของวันที่ 26 ส.ค. ที่มีนักรบศรีวิชัยได้เข้าไปในที่ทำการสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยเอ็นบีที มาจนถึงตอนเย็น ซึ่งได้เข้าไปชุมนุมในทำเนียบรัฐบาล อย่างไรก็ตาม วันนี้ทางกระทรวงการต่างประเทศจะมีโทรเลขออกไปอีกเพื่อตอบคำถาม เพราะแน่นอนว่าทั้งโลกคงติดตามสถานการณ์การเมืองในประเทศไทยว่าอะไรจะเกิดขึ้นใน 1-2 วันข้างหน้า ทั้งนี้ หวังว่าสถานการณ์ จะไม่บานปลาย และจะไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น เพราะถ้าเกิดขึ้นจะเป็นผลที่ไม่ดีอย่างยิ่งต่อประเทศไทยสิ่งที่เกิดขึ้นก็แน่นอนว่ากระทบกระเทือนการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ เราอยากจะให้ต่างประเทศเข้าใจว่าเหตุการณ์ ครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการเติบโตทางการเมืองประชาธิปไตยของไทย

แจงนายกฯรับชี้ขาดพาสปอร์ตแดง

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากการเมืองไทยเป็นแบบนี้จะเป็นประโยชน์ต่อการขอลี้ภัยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หรือไม่ นายเตชตอบว่า ไม่ทราบและขณะนี้กระบวนการขอลี้ภัยของอดีตนายกฯตนไม่ทราบว่าดำเนินการไปถึงไหนแล้ว และไม่ทราบว่าจะยกสถานการณ์ ปัจจุบันไปเป็นข้ออ้างด้วยหรือไม่ ส่วนการเพิกถอนหนังสือเดินทางการทูตของ พ.ต.ท.ทักษิณนั้น ได้หารือกับนายกฯแล้วเมื่อวันที่ 26 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยนายกฯเป็นผู้หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นพูดเอง และบอกว่าได้รับหนังสือจากกระทรวงการต่างประเทศ จะได้พิจารณาด้วยตัวเอง อีกทั้งบอกกับตนว่าไม่ต้องพูดถึงเรื่องนี้อีกต่อไป พร้อมกับไม่ได้ระบุช่วงเวลาที่จะตัดสินใจในเรื่องนี้ใดๆ
5131601003

เก็บตกภาพเด็ด! ท่าทีแกนนำพันธมิตรสะดุ้งเจอหมายจับ-ไล่ในคราวเดียว











ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน

ID 513 1601 176 Sec 1 law

18 สิงหาคม 2551

ศาลสั่งจำคุก วัฒนา 10 ปี คดีทุจริตที่ดินคลองด่าน พร้อมริบพระเครื่องผงสุพรรณ


ศาลสั่งจำคุก"วัฒนา" 10 ปี คดีทุจริตที่ดินคลองด่าน พร้อมริบพระเครื่องผงสุพรรณ


นายวัฒนา อัศวเหม(18ส.ค.) พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) กล่าวถึงการตามตัวนายวัฒนา อัศวเหม อดีตรัฐมน ตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และประธานพรรคเพื่อแผ่นดิน จำเลยคดีทุจริตโครงการบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน ที่หนีการฟังคำพิพาก ษาของศาลครั้งแรก เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคมที่ผ่านมา ว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาได้เดินทางไปยื่นคำแถลงต่อศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดยจากการติดตามตัวนายวัฒนา มีความชัดเจนว่าหลบหนีไปอยู่ในประเทศกัมพูชา โดยเชื่อว่านายวัฒนาจะไม่เดินทางมาฟังคำพิพากษาในวันนี้อย่างแน่นอน

ซึ่งตำรวจจะรอฟังคำพิพากษาจากศาลอีกครั้ง หากศาลพิพากษาว่านายวัฒนามีความผิดจริงก็จะมีการประสานไปยังประเทศกัมพูชาเพื่อขอส่งตัวนายวัฒนาตามสนธิสัญญาส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนอีกครั้ง เพราะที่ผ่านมาคำพิพากษายังไม่ถึงที่สุดจึงยังไม่เข้าข่ายการส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(18 ส.ค.) เวลา 14.00 น. ศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดอ่านคำพิพากษาคดีทุจริตบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน ซึ่งมีนายวัฒนา อัศวเหม อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และประธานพรรคเพื่อแผ่นดินเป็นจำเลย โดยหากนายวัฒนาไม่เดินทางมาศาล ศาลสามารถอ่านคำพิพากษาลับหลังจำเลยได้ทันที

ศาลสั่งจำคุก"วัฒนา" 10 ปี คดีทุจริตที่ดินคลองด่าน พร้อมริบพระเครื่องผงสุพรรณ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 14.00 น. ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดย ม.ล.ไกรฤกษ์ เกษมสันต์ ผู้พิพากษาอาวุโส เจ้าของสำนวนพร้อมองค์คณะ 9 คน ในคดีทุจริตที่ดินคลองด่าน อ่านคำพิพากษา คดี อม.2/2550 ที่อัยการสูงสุดเป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายวัฒนา อัศวเหม อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และประธานพรรคเพื่อแผ่นดิน เป็นจำเลย ฐานเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขู่ หรือชักจูงใจให้ผู้อื่นร่วมออกโฉนดที่ดิน 1,900 ไร่ ทับที่คลองสาธารณประโยชน์ และที่สงวนหวงห้ามเพื่อนำไปขายให้กรมควบคุมมลพิษก่อสร้างโครงการบ่อบำบัดน้ำเสีย ต.คลองด่าน อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ โดยศาลฯใช้เวลาอ่านคำพิพากษาประมาณ 2 ชั่วโมง ว่า องค์คณะผู้พิพากษา พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148 ให้ลงโทษจำคุกจำเลย 10 ปี ยึดพระเครื่องผงสุพรรณเลี่ยมทองคำของกลาง เนื่องจากเห็นว่าเป็นทรัพย์สินที่จำเลยใช้ในการกระทำความผิด ทั้งนี้ ศาลฯได้พิจารณายกคำร้องของโจทก์ ซึ่งขอให้นับโทษของจำเลยต่อจากโทษในคดีอาญา หมายเลขดำที่ อ.4502/2549 ของศาลอาญา เนื่องจากยังไม่ปรากฏว่ามีคำพิพากษาในคดีดังกล่าว

เนื่องจากจำเลยหลบหนีไม่มาฟังคำพิพากษา ศาลฎีกา แผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้ออกหมายจับจำเลย เพื่อมาฟังคำพิพากษาและปรับจำเลยตามสัญญาประกัน แต่ก็ไม่ได้ตัวมาฟังคำพิพากษา ศาลฯจึงออกหมายจับจำเลยมาปฏิบัติตามคำพิพากษาต่อไป การที่จำเลยหลบหนีคดีความนี้ มีอายุความให้จับตัวมาลงโทษภายใน 15 ปี นับตั้งแต่วันที่จำเลยหลบหนี ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 98

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.) ได้ชี้แจงต่อศาลฯถึงเหตุผลในการนำตัวนายวัฒนามาไม่ได้ ว่า ในฐานะได้รับมอบหมายให้ตามตัวนายวัฒนา ก็พยายามจับกุมตลอดมา แต่มีข้อมูลน่าเชื่อได้ว่า นายวัฒนาหลบหนีก่อนออกหมายจับ โดยเดินทางไปต่างประเทศ ซึ่งได้รับรายงานน่าเชื่อว่า นายวัฒนาได้หลบหนีไปยังประเทศกัมพูชา เนื่องจากเป็นเจ้าของบ่อนกาสิโน 2 แห่ง ประกอบกับรู้จักนักการเมืองและพ่อค้าที่นั่นเป็นอย่างดี นอกจากนี้ มีพยานหลักฐานที่เชื่อได้ว่า ครอบครัวนายวัฒนา เดินทางไปฝั่งปอยเปต และมีผู้พบเห็นทางลับว่าอยู่ในฝั่งกัมพูชาจริง จึงไม่สามารถนำตัวมาขึ้นศาลฯวันนี้ได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีนี้เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคมที่ผ่านมา ศาลนัดอ่านคำพิพากษาครั้งแรก แต่นายวัฒนาหลบหนีไปอยู่ในประเทศกัมพูชา ศาลจึงมีคำสั่งให้ออกหมายจับนายวัฒนา และปรับนายประกันจำนวน 2,200,000 บาท

ข่าว : มติชน

id 513 1601 176 sec 1 law

14 สิงหาคม 2551

สตช.แจกจ่ายหมายจับ"ทักษิณ-พจมาน"




วันนี้ (14 ส.ค.) เมื่อเวลา 16.30 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) กองทะเบียยนประวัติอาชญากร ได้ออกประกาศกองทะเบียนประวัติอาชญากร

เรื่อง สืบจับผู้กระทำความผิด ฉบับที่ 353/2551 โดยแจกจ่ายไปยังสถานีตำรวจทั่วประเทศ พร้อมแจกให้กับสื่อมวลชนนำเผยแพร่ ซึ่งประกาศฉบับแรกเป็นหมายจับ พ.ต.ท.ทักษิน ชินวัตร ระบุข้อหา เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐดำเนินกิจการเป็นคู่สัญญาหรือมีส่วนได้เสียในสัญญาที่ทำกับหน่วยงานของรัฐ ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติมาตรา 4 ,100 และ 122 และฉบับที่สองเป็นหมายจับ คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ระบุข้อหา ร่วมกับเจ้าหน้าที่ของรัฐดำเนินกิจการเป็นคู่สัญญา หรือมีส่วนได้เสียในสัญญาที่ทำกับหน่วยงานของรัฐฯ และเป็นผู้สนับสนุนฯ,มาตรา 4,100 และ 122


ทั้งนี้ในประกาศได้ระบุรูปพรรณสัณฐานของบุคคลทั้งสองอย่างละเอียด พร้อมระบุวันเกิดเหตุคือวันที่ 11 ส.ค.2551 โดย พ.ต.ท.ทักษิณ มีอายุความ 15 ปี วันขาดอายุความคือ 12 สิงหาคม 2566 และ คุณหญิงพจมาน มีอายุความ 10 ปี วันขาดอายุความ 12 สิงหาคม 2561


นอกจากนี้ ท้ายประกาศยังระบุขอความร่วมมือ ให้ทุกหน่วยงานช่วยติดตามสืบจับ

หากผู้ใดพบเห็น หรือทราบแหล่ง/สถานที่หลบซ่อนของผ้กระทำความผิดข้างต้น ให้รีบแจ้งพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบ เพื่อจัดการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป ลงประกาศ ณ วันที่ 14 สิงหาคม 2551 และลงชื่อ พันตำรวจเอก โสฬส พินิจศักดิ์ รองผู้บังคับการกองทะเบียนประวัติอาชญากร ปฏิบัติราชการแทน ผู้บังคับการกองทะเบียนประวัติอาชญากร.


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

id 513 1601 176 sec 1 law