กลุ่มพลังนิสิตนักศึกษา กลับมา แสดงบทบาททางการเมืองอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่หายไปกว่า 30 ปี เครือข่ายนิสิตนักศึกษาเยาวชนกู้ชาติ ประกาศว่านิสิตนักศึกษาจากกว่า 80 สถาบัน จากทั่วประเทศ ไม่น้อยกว่า 8,000 คน จะนัดหยุดเรียนหยุดสอบ และไปร่วม ชุมนุมกันที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ ในวันอังคาร ที่ 9 กันยายน เพื่อกดดันให้นายกรัฐมนตรีสมัคร สุนทรเวช ลาออก
นิสิตนักศึกษาเคยเป็นพลังสำคัญ ในทางการเมือง เช่น เคยชุมนุมเดินขบวนคัดค้าน การเลือกตั้งสกปรก จนนำไปสู่รัฐประหาร เมื่อปี 2500 แต่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด นิสิตนักศึกษาเคยเป็นผู้นำในการต่อสู้เรียกร้องรัฐธรรมนูญ จนนำไปสู่เหตุการณ์นองเลือด เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2516 และทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งใหญ่ คือการโค่นล้มรัฐบาลเผด็จการ และการฟื้นฟูประชาธิปไตย
เหตุการณ์ 14 ตุลา ทำให้ประชาธิปไตยเบ่งบานในประเทศไทย แต่ก็อยู่ได้ไม่ นาน เพราะเกิดความแตกแยกในสังคมไทย แบ่งเป็นฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวา และในที่สุด มีการล้อมปราบและเข่นฆ่านักศึกษา ที่ชุมนุมอยู่ในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพราะถูกกล่าวหาว่าเป็นคอมมิวนิสต์และนำไปสู่รัฐประหารอีกครั้ง ทำให้นายสมัคร สุนทรเวช ก้าวขึ้นเป็นรัฐมนตรีมหาดไทยผู้ยิ่งใหญ่
เหตุการณ์นองเลือด 6 ตุลาคม 2519 ทำให้พลังนิสิตนักศึกษาหายไป นิสิตนักศึกษาเป็นอันมากที่หนีเข้าป่า บ้านเมืองตกอยู่ภายใต้เผด็จการ หรือกึ่งเผด็จการเป็นเวลาหลายปี นักศึกษารุ่นต่อๆมา ไม่ได้สนใจเรื่องการเมือง หรือปัญหาสาธารณะต่างๆ แต่ หลงใหลในลัทธิบริโภคนิยม และความบันเทิงส่วนตัว แต่พลังนักศึกษาถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้ง ในยุคที่นายสมัครเป็นนายกรัฐมนตรี
การตื่นตัวทางการเมืองครั้งใหม่ ของนักศึกษา เกิดขึ้นในยุคที่ผู้นำรัฐบาลถือว่า การแสดงบทบาททางการเมืองนอกสภา เป็น “การเมืองข้างถนน” รัฐมนตรีศึกษาธิการออกมาปรามไม่ให้นักศึกษายุ่งเกี่ยวการเมือง สวนทางกับแนวความคิดประชาธิปไตย แบบที่ให้ประชาชนมีส่วนร่วม ซึ่งนักปฏิรูปการเมืองได้เขียนไว้ ทั้งในรัฐธรรมนูญ 2540 และ 2550 เป็นเวลานานกว่าสิบปี
ประชาธิปไตยแบบประชาชนมีส่วนร่วม เป็นประชาธิปไตยที่ก้าวหน้า นัก ประชาธิปไตยแบบเลือกตั้งส่วนหนึ่ง จึงอาจจะตามไม่ทัน เพราะยึดติดอยู่แค่ “การเลือกตั้ง” เลือกตั้งเสร็จ (ซื้อเสียงด้วย) ก็เป็นอันจบสิ้น มอบอำนาจสิทธิ์ขาดให้ผู้ชนะ ที่จะทำอะไรได้ ตามใจชอบ ประชาชนไม่มีหน้าที่มาตรวจสอบการใช้อำนาจของนักการเมืองผู้ชนะเลือกตั้ง จึงทำให้ลัทธิการฉ้อราษฎร์บังหลวงเบ่งบาน
การกลับมาแสดงบทบาททางการเมืองของกลุ่มพลังนิสิตนักศึกษา ในยามที่บ้านเมืองตกอยู่ในภาวะวิกฤติการเมือง จึงน่าชื่นชมยินดี นิสิตนักศึกษาเป็นเยาวชน เป็นพลังที่บริสุทธิ์ ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน เพราะ ไม่ได้มุ่งแสวงอำนาจส่วนตัว แต่อยากจะเห็นการเมืองที่สะอาดโปร่งใส แต่ก็ต้องรักษาเนื้อรักษาตัวให้ดี ระวังอย่าให้นักการเมืองสกปรก ใช้นักศึกษาเป็นเครื่องมือทางการเมือง.
ที่มา: http://www.thairath.co.th
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
1 ความคิดเห็น:
นิสิตนักศึกษาเคยเป็นผู้นำในการต่อสู้เรียกร้องรัฐธรรมนูญ จนนำไปสู่เหตุการณ์นองเลือด เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2516 และทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งใหญ่ คือการโค่นล้มรัฐบาลเผด็จการ และการฟื้นฟูประชาธิปไตย แต่ในสมัยนี่นักศึกษาไม่มีกำลังอำนาจเหมือนแต่ก่อน คงต้องหวังว่านักศึกษากลุ่มนี่น่าจะนำมาซึ่งความยุติธรรมให้กับคนในประเทศซักที
จาก Id 5131601116 sec 1
แสดงความคิดเห็น