04 กันยายน 2551

สภาฯ ถกร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ

ที่รัฐสภา เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 3 ก.ย. มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2552 ในวาระสอง โดยนพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ กล่าวรายงานว่า งบประมาณที่ตั้งไว้ 1,835,000,000,000 บาท คณะกรรมาธิการปรับลดลงจำนวน 45,009,585,700 บาท โดยพิจารณาจากงบประมาณที่ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ภารกิจที่มีเป้าหมายไม่ชัด และการดำเนินการไม่ประหยัดเช่น ค่าอบรม สัมมนา จ้างเหมา วิจัย ค่าที่ปรึกษา การดำเนินการไม่น่าทันเวลาปีงบประมาณ งบค่าครุภัณฑ์ และโครงการที่ใช้เงินจากแหล่งอื่นได้ ส่วนที่ปรับเพิ่มจำนวน 45,009,585,700 บาท แบ่งเป็นงบประมาณ 2.9 หมื่นล้านบาท สำหรับโครงการของหน่วยราชการที่เพิ่มขึ้น และงบประมาณ 1.5 หมื่นล้าน สำหรับเงินอุดหนุนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ส.ส.จับกลุ่มวิจารณ์ปัญหาผู้ชุมนุม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมครั้งนี้ไม่ได้รับความสนใจจากสมาชิกเท่าที่ควร เพราะส่วนใหญ่ต่างจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์การหาทางออกเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ ทางการเมืองของนายกรัฐมนตรีว่าจะเลือกใช้แนวทางใด ขณะเดียวกัน การอภิปรายในสภาฯ ยังคงพาดพิงไปถึง สถานการณ์ทางการเมือง โดย ส.ส.พรรคพลังประชาชนและพรรคประชาธิปัตย์ปะทะคารมกันเป็นระยะ เริ่มจากนายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ขอตัดงบประมาณทั้งหมด โดยให้เหตุผลว่านายกรัฐมนตรีไม่สามารถจะบริหารประเทศต่อไปได้ เพราะได้ออก พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินมอบอำนาจให้ ผบ.ทบ.เป็นผู้ควบคุมสถานการณ์ทั้งหมด จึงน่าจะให้ ผบ.ทบ.เป็นผู้บริหารประเทศแทน และไม่ไว้ วางใจว่า นายกฯ จะสามารถบริหารงบประมาณของประเทศให้เกิดประโยชน์ได้ เพราะยังคงปล่อยให้สามเกลอหัวกลมออกรายการ “ความจริงวันนี้” พูดข้างเดียวอยู่ทุกวัน จึงอยากให้สามเกลอหัวขาดกลับบ้านที่ จ.นครศรีธรรมราชบ้าง จะได้รู้ว่าชาวบ้านคิดอย่างไรกับตัวเอง ทำให้นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน ลุกขึ้นโต้ตอบทันทีว่า ตนจะกลับบ้านหรือไม่มันไปหนักอวัยวะของใครมิทราบ
ข้องใจ กมธ.ตัดงบสร้างสมานฉันท์
จากนั้นที่ประชุมได้พิจารณารายมาตรา โดยมาตรา 3 ยอดรวมงบประมาณ จำนวน 1,835,000,000,000 บาท ผู้สงวนคำแปรญัตติส่วนใหญ่ เห็นว่าเป็นการตั้งงบประมาณที่สูงเกินไป โดยนายณัฐวุฒิ ประเสริฐสุวรรณ ส.ส.สุพรรณบุรี พรรคชาติไทย อภิปรายขอให้ปรับลด 8% และตั้งข้อสังเกตว่า ไม่มีหลักเกณฑ์การปรับลด เพราะบางโครงการที่มีความสำคัญเช่น งบส่งเสริมความปรองดอง สมานฉันท์ ฟื้นฟูและส่งเสริมประชาธิปไตย ที่ตั้งไว้ 58,942,800 บาท นอกจากไม่เพิ่มให้แล้วกรรมาธิการยังตัดงบส่วนนี้ลงถึง 317,400 บาท ทั้งนี้มี ส.ส.อภิปรายมาตรานี้อย่างกว้างขวาง ใช้เวลานานถึง 7 ชั่วโมง ก่อนมีมติเห็นชอบตามคณะกรรมาธิการด้วยคะแนน 234 ต่อ 101 งดออกเสียง 2
อัดงบกลางขาดการตรวจสอบ
สำหรับการพิจารณาในมาตรา 4 งบกลางจำนวน 2.4 แสนล้านบาท นายพิเชษฐ์ พันธุ์วิชาติกุล ส.ส.กระบี่ พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายว่า งบสำรองฉุกเฉินตามมาตรา 4 (5) เป็นงบเฉพาะของนายกรัฐมนตรีจำนวน 48,000 ล้านบาท เติบโตขึ้นอย่างน่าเป็นห่วง งบส่วนนี้ตั้งเอาไว้สูงทุกปี ในระหว่างการพิจารณาวาระแรกนั้น มีผู้มาชี้แจงของบส่วนนี้เพิ่มเติม 6,000 ล้านบาท เพราะกลัวว่าจะมีการเลือกตั้งใหม่ ดังนั้นงบนี้เป็นงบน่ากลัว เพราะขาดการตรวจสอบ นอกจากนี้ ในส่วนของเงินเบี้ยหวัดบำเหน็จบำนาญที่ใช้เป็นค่าชดเชยเออร์ลี่ รีไทร์ ปรากฏว่าผู้ที่เออร์ลี่ รีไทร์ ได้เงินเสร็จกลับถูกว่าจ้างกลับมา ในอัตรา เงินเดือนที่เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว รวมทั้งเงินปรับวุฒิข้าราชการที่ไปกระจุกตัวอยู่กับข้าราชการซี 9-11 เท่านั้น และยิ่งใกล้มีการเลือกตั้งก็มีการขึ้นเงินเดือนให้ข้าราชการประจำ กำนันและผู้ใหญ่บ้าน งบกลางได้กินงบประมาณทั้งหมดไปถึง 16% แสดงให้เห็นว่าไม่มีวินัยทางการคลัง เบียดบังงบประมาณแผ่นดินไปมาก
สุดอู้ฟู่ให้งบสร้างรัฐสภาใหม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในร่าง พ.ร.บ.งบประมาณที่ผ่านการแก้ไขจากคณะกรรมาธิการแล้ว มีข้อน่าสนใจตรงที่มาตรา 26 งบประมาณของหน่วยงานรัฐสภา เนื่องจากคณะกรรมาธิการมีมติให้เพิ่มงบประมาณขึ้นอีก 4,170,454,600 บาท จากที่เดิมตั้งไว้ 3,843,536,100 บาท แยกเป็นเพิ่มให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา 162,254,600 บาท เพื่อนำไปเป็นงบช่วยเหลือค่าครองชีพข้าราชการระดับต้น จ้างอัตราใหม่ และซื้อคอมพิวเตอร์ ส่วนสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรได้งบประมาณเพิ่มถึง 4,008,200,000 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายโครงการก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ ค่าชดเชยที่ดิน 266 ล้านบาท ค่ารื้อถอนและก่อสร้างให้กรุงเทพมหานคร 100 ล้านบาท ให้กระทรวงกลาโหม 785 ล้านบาท ให้โรงเรียนโยธินบูรณะ 200 ล้านบาท และก่อสร้างบ้านพักให้องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ 150 ล้านบาท ที่เหลืออีก 2,506 ล้านบาท เป็นการตั้งงบ ประมาณเพื่อเป็นค่าก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ โดยให้เหตุผลความจำเป็นไว้ท้ายงบประมาณด้วยว่าเป็นรายการที่ต้องดำเนินการตามมติ ครม. จึงต้องตั้งงบผูกพัน ข้ามปีไว้ 4 รายการ ตั้งแต่ปี 2552 จำนวน 2,506,400,000 บาท ปี 2553 ผูกพันงบประมาณ 3,008,400,000 บาท ปี 2554 ผูกพันงบประมาณ 3,008,400,000 บาท และปี 2555 ผูกพันงบประมาณ 3,788,400,000 บาท

ไม่มีความคิดเห็น: