นายจอห์น แมคเคน ตัวแทนพรรครีพับลิกันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ขึ้นปราศรัยปิดท้ายการประชุมใหญ่พรรครีพับลิกันที่เมืองเซนต์พอล รัฐมินเนโซตาเมื่อ 4 ก.ย. โดยเสนอนโยบายการลงทุนด้านพลังงาน เช่น การขุดเจาะน้ำมัน การสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ การสร้างเหมืองถ่านหิน รวมถึงพลังงานลม เพื่อเพิ่มอัตราว่าจ้างงานให้ประชาชนอเมริกัน ระหว่างนั้นมีเสียงตะโกนขัดจังหวะคำปราศรัยโดยผู้ต่อต้านนโยบายการทำสงครามของพรรครีพับลิกันซึ่งแฝงตัวเข้ามา แต่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยนำตัวผู้ก่อกวนการประชุมจำนวน 2 คนออกไปอย่างรวดเร็ว ขณะที่ผู้ชุมนุมต่อต้านสงครามซึ่งอยู่ด้านนอกสถานที่จัดประชุมพรรครีพับลิกันถูกตำรวจจับกุมราว 250 คน รวมถึงนักข่าว 19 คน ที่ติดตามรายงาน ข่าวดังกล่าวด้วย
ส่วนนางซาราห์ พาลิน ผู้ว่าการรัฐอลาสกา ผู้ได้รับเลือกเป็นคู่หูของแมคเคนเพื่อชิงตำแหน่งรอง ปธน.ได้โจมตีนโยบายหาเสียงของนายบารัก โอบามา ตัวแทนพรรคเดโมแครต โดยกล่าวว่า โอบามาไม่มีประสบการณ์ทำงาน ระดับประเทศ จึงต้องอ้างความเปลี่ยนแปลงเพื่อให้ตัวเองได้รับเลือกตั้ง ซึ่งแตกต่างจากแมคเคนผู้ต่อสู้เพื่อประเทศชาติในสงครามเวียดนาม และจะเป็นผู้สร้างความเปลี่ยนแปลงด้วยประสบการณ์ที่มีอยู่ แต่นายบิล เบอร์ตัน โฆษกพรรคเดโมแครต ออกมาแย้งว่า ทั้งแมคเคนและพาลินก็มิได้พูดถึงนโยบายการแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่เป็นรูปธรรมเช่นกัน และเสริมว่า การโจมตีดังกล่าวส่งผลดีต่อพรรคเดโมแครต เพราะยอดบริจาคเงินสนับสนุนการหาเสียงของพรรคมีจำนวนสูงถึง 10 ล้านดอลลาร์ หลังพาลินขึ้นเวที ปราศรัยเพียงวันเดียว
ด้านนีลเซน นิวส์ ซึ่งเป็นหน่วยงานสำรวจเรตติ้งเปิดเผยว่า จำนวนผู้ชมที่เปิดโทรทัศน์ดูการถ่ายทอดสดคำปราศรัยของพาลินในคืนวันที่ 3 ก.ย. มีจำนวนสูงถึง 37 ล้านคน ซึ่งถือว่าสูสีกับจำนวนผู้ชม 38 ล้านคน ที่เฝ้าดูการปราศรัยของนายโอบามาเมื่อปลายเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา โดยยอดผู้ชม 19.5 ล้านคนเป็นผู้หญิง ขณะที่ยอดผู้ชมคำปราศรัยของนางฮิลลารี คลินตัน จากพรรคเดโมแครต มีแค่ 5.2 ล้านคนเท่านั้น ขณะที่สื่อมวลชนพากันเสนอข่าวครอบครัวพาลิน และพบว่า นายทอดด์ พาลิน สามีของซาราห์ พาลิน เดินทางไปสำรวจพื้นที่กับบริษัทเหมืองแร่โดยใช้เงินงบประมาณของรัฐ โดยอ้างว่าเป็นเงินในโครงการสนับสนุนคนงานผู้มีประสบการณ์ แต่ไม่จบการศึกษาขั้นสูง และคดีสอบสวนการใช้อำนาจในทางมิชอบของพาลินยังอยู่ในศาลชั้นต้น
ขณะที่นักเล่นเน็ตกว่า 17,000 คน ร่วมเป็นสมาชิกในเว็บไซต์ “ฉันมีประสบการณ์ด้านต่างประเทศมากกว่าพาลิน” โดยเสียดสีคำพูดของแมคเคนที่ว่ารัฐอลาสกาอยู่ใกล้กับรัสเซีย ทำให้พาลินมีคุณสมบัติเหมาะสมกับตำแหน่งที่ถูกเลือกมา ส่วนนักวิเคราะห์มองว่ายิ่งสื่อมวลชนขุดคุ้ยประวัติพาลิน และครอบครัวมากเท่าไหร่ อาจส่งผลตีกลับทำให้ประชาชนรู้สึกเห็นอกเห็นใจพาลิน และลงคะแนนให้เธอเพิ่มขึ้น โดยอ้างผลสำรวจความคิดเห็นของ “ราสมุสเซน รีพอร์ต” ซึ่งระบุว่า ชาวอเมริกัน 51 เปอร์เซ็นต์ เห็นว่าสื่อทำเกินกว่าเหตุ และอีก 24 เปอร์เซ็นต์ระบุ ว่าการขุดคุ้ยเช่นนี้อาจทำให้ตนลงคะแนนเลือกแมคเคน.
ส่วนนางซาราห์ พาลิน ผู้ว่าการรัฐอลาสกา ผู้ได้รับเลือกเป็นคู่หูของแมคเคนเพื่อชิงตำแหน่งรอง ปธน.ได้โจมตีนโยบายหาเสียงของนายบารัก โอบามา ตัวแทนพรรคเดโมแครต โดยกล่าวว่า โอบามาไม่มีประสบการณ์ทำงาน ระดับประเทศ จึงต้องอ้างความเปลี่ยนแปลงเพื่อให้ตัวเองได้รับเลือกตั้ง ซึ่งแตกต่างจากแมคเคนผู้ต่อสู้เพื่อประเทศชาติในสงครามเวียดนาม และจะเป็นผู้สร้างความเปลี่ยนแปลงด้วยประสบการณ์ที่มีอยู่ แต่นายบิล เบอร์ตัน โฆษกพรรคเดโมแครต ออกมาแย้งว่า ทั้งแมคเคนและพาลินก็มิได้พูดถึงนโยบายการแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่เป็นรูปธรรมเช่นกัน และเสริมว่า การโจมตีดังกล่าวส่งผลดีต่อพรรคเดโมแครต เพราะยอดบริจาคเงินสนับสนุนการหาเสียงของพรรคมีจำนวนสูงถึง 10 ล้านดอลลาร์ หลังพาลินขึ้นเวที ปราศรัยเพียงวันเดียว
ด้านนีลเซน นิวส์ ซึ่งเป็นหน่วยงานสำรวจเรตติ้งเปิดเผยว่า จำนวนผู้ชมที่เปิดโทรทัศน์ดูการถ่ายทอดสดคำปราศรัยของพาลินในคืนวันที่ 3 ก.ย. มีจำนวนสูงถึง 37 ล้านคน ซึ่งถือว่าสูสีกับจำนวนผู้ชม 38 ล้านคน ที่เฝ้าดูการปราศรัยของนายโอบามาเมื่อปลายเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา โดยยอดผู้ชม 19.5 ล้านคนเป็นผู้หญิง ขณะที่ยอดผู้ชมคำปราศรัยของนางฮิลลารี คลินตัน จากพรรคเดโมแครต มีแค่ 5.2 ล้านคนเท่านั้น ขณะที่สื่อมวลชนพากันเสนอข่าวครอบครัวพาลิน และพบว่า นายทอดด์ พาลิน สามีของซาราห์ พาลิน เดินทางไปสำรวจพื้นที่กับบริษัทเหมืองแร่โดยใช้เงินงบประมาณของรัฐ โดยอ้างว่าเป็นเงินในโครงการสนับสนุนคนงานผู้มีประสบการณ์ แต่ไม่จบการศึกษาขั้นสูง และคดีสอบสวนการใช้อำนาจในทางมิชอบของพาลินยังอยู่ในศาลชั้นต้น
ขณะที่นักเล่นเน็ตกว่า 17,000 คน ร่วมเป็นสมาชิกในเว็บไซต์ “ฉันมีประสบการณ์ด้านต่างประเทศมากกว่าพาลิน” โดยเสียดสีคำพูดของแมคเคนที่ว่ารัฐอลาสกาอยู่ใกล้กับรัสเซีย ทำให้พาลินมีคุณสมบัติเหมาะสมกับตำแหน่งที่ถูกเลือกมา ส่วนนักวิเคราะห์มองว่ายิ่งสื่อมวลชนขุดคุ้ยประวัติพาลิน และครอบครัวมากเท่าไหร่ อาจส่งผลตีกลับทำให้ประชาชนรู้สึกเห็นอกเห็นใจพาลิน และลงคะแนนให้เธอเพิ่มขึ้น โดยอ้างผลสำรวจความคิดเห็นของ “ราสมุสเซน รีพอร์ต” ซึ่งระบุว่า ชาวอเมริกัน 51 เปอร์เซ็นต์ เห็นว่าสื่อทำเกินกว่าเหตุ และอีก 24 เปอร์เซ็นต์ระบุ ว่าการขุดคุ้ยเช่นนี้อาจทำให้ตนลงคะแนนเลือกแมคเคน.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น