10 กันยายน 2551

ใครคือนายยกคนใหม่

ลีลา"ชูวิทย์"
นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.หมายเลข 8 แถลงที่วงเวียนใหญ่โจมตีการทำงานนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ที่ปรับปรุงภูมิทัศน์รอบๆอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสิน โดยเอาต้นไม้ใหญ่ออก แล้วเอาไม้เล็กมาแทนทั้งๆที่กทม.รณรงค์ลดโลกร้อน (10ก.ย.)









อภิสิทธิ์ประกาศพร้อมนั่งนายกฯ จัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติแก้วิกฤติ

ปชป.ดันตั้งรัฐบาลแห่งชาติแก้วิกฤติชาติ ดึงประธานสภา-ประธานวุฒิฯ ประสาน เชื่อทุกพรรคมีแนวคิดเดียวกัน วอนทุกฝ่ายใจเย็นเหลือเวลาคิดอีก 2 วัน “อภิสิทธิ์”อ้าแขนรับหากสภาดัน นั่งนายกฯจำเป็น

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 10 กันยายน ที่รัฐสภา นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) แถลงว่า วิปฝ่ายค้านเห็นว่าการกำหนดวันเลือกนายกรัฐมนตรีในวันศุกร์ที่ 12 ก.ย.นี้ เร็วเกินไป เหมือนรัฐบาลต้องการรวบรัด ทั้งที่ประชาชนหวังจะเห็นว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญจะเป็นทางออกของประเทศ ทำให้วิกฤตการณ์ของบ้านเมืองเบาบางลงได้

ดังนั้นระยะเวลาที่เหมาะสม ประธานสภาฯควรเลื่อนการประชุมเพื่อโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีไปเป็นสัปดาห์หน้า อาจจะเป็นวันจันทร์-พุธก็ได้ ไม่ถือว่าช้าเกินไป เพื่อให้มีเวลาไตร่ตรองในคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ คิดว่าน่าจะเป็นช่องทางแก้วิกฤตให้กับประเทศ

นายสาทิตย์ กล่าวว่า ตอนนี้ทุกฝ่ายรู้สึกแปลกใจว่าเหตุใดพรรคพลังประชาชนจึงรีบตัดสินใจกำหนดวันเลือกนายกรัฐมนตรี นอกจากนี้พรรคพลังประชาชนยังไม่มีความชัดเจนในการเลือกตัวบุคคลที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรี วันนี้พรรคประชาธิปัตย์เห็นว่าการเมืองยังไม่นิ่งพอ ประธานสภาฯควรทบทวนและขยายเวลาการเลือกนายกรัฐมนตรีออกไป ไม่ว่าจะเกิดสูตรการตั้งรัฐบาลอย่างใด ก็ขอให้ประชาชนรับได้ อย่าให้สถานการณ์บานปลาย หลักใหญ่คือต้องช่วยกันประคับประคองประเทศ

ส่วนถ้าหลังจากวันหยุดสุดสัปดาห์นี้พรรคพลังประชาชนและพรรคร่วมรัฐบาลจะจับขั้วตั้งรัฐบาลกันต่อไป พรรคประชาธิปัตย์ก็ยอมรับได้ แต่ถ้ามีการเสนอชื่อนายสมัคร สุนทรเวชให้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง เกรงว่าสถานการณ์ต่าง ๆ จะไม่สามารถคลี่คลายวิกฤตได้ เพราะหลังจากมีข่าวโฆษกพรรคพลังประชาชนแถลงมติที่ประชุมพรรคพลังประชาชนสนับสนุนนายสมัคร กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีก ก็ปรากฏว่ามีเสียงสะท้อนจากประชาชนและนักธุรกิจที่เป็นกังวล

“มีสื่อต่างประเทศแสดงความสงสัยที่นายสมัคร ต้องออกจากตำแหน่งเพียงแค่จัดรายการทำอาหารเท่านั้น แต่ความจริงมีประเด็นเรื่องจริยธรรม ซึ่งเป็นคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับการสร้างหลักฐานเท็จขึ้นมา ดังนั้นนายสมัคร จึงไม่เหมาะสมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีอีก ” ประธานวิปฝ่ายค้านกล่าว

นอกจากนี้อยากให้นำความเห็นของนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้าที่ระบุว่าการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญมีประเด็นเรื่องการสร้างเอกสารหลักฐานเท็จ ซึ่งการนำนายสมัคร กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง จึงไม่เหมาะสมในแง่จริยธรรมของผู้บริหารประเทศ ดังนั้นการเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ในสถานการณ์ที่ไม่ปกติ จึงไม่ควรจำกัดอยู่เฉพาะนักการเมืองคุยกันเท่านั้น แต่ควรฟังความเห็นจากประชาชน และทุกพรรคการเมืองน่าจะพูดคุยกัน ฟังความเห็นกัน เพื่อหาทางออก เพราะจากผลสำรวจของเอแบคโพลล์ ยังแสดงความเป็นห่วงว่าอาจจะเกิดการปฏิวัติขึ้น เราไม่อยากเห็นบ้านเมืองถอยหลังกลับไปอีก

ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่พรรคประชาธิปัตย์ประวิงเวลาการเลือกนายกรัฐมนตรี เพราะหวังให้มีการสลับขั้ว ให้พรรคประชาธิปัตย์สามารถตั้งรัฐบาลได้ใช่หรือไม่ นายสาทิตย์ กล่าวว่า ไม่ได้หวังอะไร ขณะนี้มีการกล่าวหาพรรคประชาธิปัตย์อย่างนี้ แต่พรรครัฐบาลต้องคำนึงถึงความเป็นจริงว่าการเมืองยังไม่นิ่ง

ส่วนพรรคประชาธิปัตย์พร้อมทำงานให้บ้านเมืองแม้พรรคพลังประชาชนจะได้เป็นรัฐบาลแต่ถ้าแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลเดิมไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ พรรคประชาธิปัตย์ก็มีสิทธิอันชอบธรรมที่จะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลในฐานะพรรคลำดับถัดไป โดยหากรวมเสียงกับพรรคขนาดเล็กแล้ว จะมีเสียงมากกว่าพรรคพลังประชาชนถึง 20 กว่าเสียง ซึ่งเกินครึ่งหนึ่งและเพียงพอต่อการผ่านกฎหมายได้ แต่หากเป็นสูตรพรรคประชาธิปัตย์ร่วมกันตั้งรัฐบาลกับพรรคพลังประชาชนนั้นคงเป็นไปไม่ได้ เพราะแนวทางของทั้งสองพรรคไม่ตรงกัน

ผู้สื่อข่าวถามว่าพร้อมสนับสนุนให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายสาทิตย์ กล่าวว่า ตั้งแต่การเลือกตั้งที่ผ่านมาจนถึงวันนี้ พรรคประชาธิปัตย์พร้อมหนุนนายอภิสิทธิ์ ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี ส่วนที่มีข่าวว่ามีส.ส.กลุ่มอีสานพัฒนา พรรคพลังประชาชนยอมรับว่ามีการคุยกับพรรคประชาธิปัตย์แล้วนั้น สำหรับตนยังไม่มีใครมาคุย ไม่ทราบว่าเขาไปคุยกับใคร

นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า จนถึงขณะนี้เรายังไม่ได้ยินการแสดงความรับผิดชอบ คำขอโทษและคำแสดงความเสียใจจากนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี และพรรคพลังประชาชน หลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย เพราะนายสมัคร โกหกศาล ให้การไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ปลอมแปลงเอกสารย้อนหลัง

“สุเทพ”หนุนรัฐบาลแห่งชาติดันอภิสิทธิ์นั่งนายกฯ

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์อาจจะมีการจัดตั้งรัฐบาลแข่งว่า อย่าพูดว่าจัดตั้งรัฐบาลแข่งหรือไม่แข่งเลย แต่เรียกร้องให้ฝ่ายนิติบัญญัติ และพรรคการเมืองได้ใช้โอกาสนี้ประชุมหารือกันอีกครั้ง เพื่อแก้ไขปัญหาประเทศ หากทุกพรรคการเมืองร่วมมือกันก็จะสามารถแก้วิกฤติได้

ส่วนการจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติจะเป็นทางออกหนึ่งหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ถ้าประธานสภาผู้แทนราษฎร ประธานวุฒิสภา และผู้นำฝ่ายค้านฯ ได้ปรึกษากันก็จะมีทางออก ทางเลือกที่ทุกฝ่ายยอมรับได้ จะเรียกรัฐบาลกลาง รัฐบาลพิเศษ รัฐบาลแห่งชาติก็แล้วแต่ที่ประชุมจะปรึกษาหารือกัน หากเห็นตรงกันก็สามารถทำได้ คำว่ารัฐบาลแห่งชาติอาจจะเข้าใจยาก สมมุติที่ประชุมตกลงกันเลือกท่านใดท่านหนึ่งในสภาฯ เป็นนายกฯ

โดยมีข้อตกลงว่านายกฯ ท่านนี้จะต้องจัดตั้งรัฐบาลที่มีตัวแทนมาจากพรรคการเมือง กลุ่มต่าง ๆ ภาคประชาชน และคนนอก เพื่อร่วมเป็นรัฐบาลพิเศษ ปรับพื้นฐานระบอบประชาธิปไตยสักระยะ นำไปสู่การเลือกตั้งใหม่ ก็สามารถรักษาประชาธิปไตย และบ้านเมืองคืนสู่สงบได้ แต่ทั้งหมดอยู่ที่การประชุมของคณะกรรมการ รวมทั้งกลุ่มอื่น ๆ ที่จะเชิญขึ้นมา

ผู้สื่อข่าวถามว่า สถานการร์ขณะนี้นายอภิสิทธิ์ เหมาะสมที่จะเป็นนายกฯ หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า นายอภิสิทธิ์เหมาะสมอยู่แล้ว ถ้ามองว่าเมื่อพรรครัฐบาลมีปัญหาไม่สามารถดำเนินการได้ ก็เป็นเรื่องของพรรคฝ่ายค้าน เมื่อนายอภิสิทธิ์เป็นผู้นำฝ่ายค้านฯ ก็มีสิทธิ์ตามประเพณีนิยมของประชาธิปไตยที่จะเป็นหัวหน้าคณะจัดตั้งรัฐบาล

ต่อข้อถามที่ว่าจำเป็นหรือไม่ว่านายกฯจะต้องเป็นส.ส.นายสุเทพ กล่าวว่า พูดตามหลักการก็จะต้องเป็นหัวหน้าพรรคการเมือง หรือพูดให้ชัดคือต้องเป็นนายอภิสิทธิ์ ทั้งนี้ทั้งนั้นการเมืองไม่ใช่เป็นเรื่องของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ความคิดของตนก็ไม่ใช่เป็นที่ยุติ ต้องอยู่ที่ทุกฝ่ายมาร่วมมือกัน อย่างไรก็ตามสมมติที่สภาฯ โหวตเลือกนายอภิสิทธิ์เป็นนายกฯ ตนเชื่อว่าในฐานะนายกฯ ในช่วงเวลาพิเศษอย่างนี้จะเชิญฝ่ายต่าง ๆ มาร่วมครม. เพราะเห็นว่าการแก้ปัญหา และการรักษาระบอบประชาธิปไตยเป็นสิ่งสำคัญ ส่วนจะเชิญพันธมิตรฯ มาร่วมด้วยหรือไม่นั้นยังไม่ขอลงรายละเอียด เป็นการพูดกว้างๆ รอให้นายอภิสิทธิ์เป็นนายกฯ ก่อน

ต่อข้อถามว่าได้มีการพูดคุยกับพรรคร่วมรัฐบาลหรือยังเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ยังไม่ได้คุย แต่คิดว่าวันนี้เราคงจะได้เห็นท่าทีที่ชัดเจนของฝ่ายรัฐบาลและพรรคร่วมรัฐบาล ถ้าฝ่ายรัฐบาล และพรรคร่วมยังเกาะกลุ่มกันเหนียวแน่น ยังกอดคอยืนยันจะเป็นรัฐบาลต่อไป ตนก็คงไม่ต้องไปคุยอะไร แต่หากทุกคนได้ปรึกษาหารือกันแล้วคิดว่าเราควรหาทางออกร่วมกัน อย่างนี้ก็คุยกันได้

เมื่อถามว่าวันนี้กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย อยากได้นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์มาเป็นนายกฯ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า นายชวนไม่ได้เป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และไม่คิดว่านายชวนจะรับหลักการนี้

เมื่อถามว่า วันนี้ที่พรรคพลังประชาชนจะไปคุยกับพรรคชาติไทย ซึ่งอาจจะมีการเสนอชื่อนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย มาเป็นนายกฯเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนต้องรอฟังท่าทีของฝ่ายรัฐบาล ถ้าฝ่ายรัฐบาลคิดว่าอยากจะคุยกัยพรรคประชาธิปัตย์ ตนก็พร้อมที่จะคุยด้วย โดยมารยาทก็ต้องให้เขาแก้ไขปัญหาภายในของเขาก่อน ตกลงกันก่อน

ส่วนเรื่องการเรียกประชุมสภาฯ เพื่อเลือกนายกฯ คนใหม่ในวันศุกร์ที่ 12 ก.ย.นี้นั้นนายสุเทพ กล่าวว่า ตนคิดว่าเร็วไป อยากจะให้ทุกฝ่ายได้ช่วยพูดกับประธานสภาฯ ว่านี่เป็นโอกาสของประเทศไทยทำไมจะต้องรวบรัด ไม่ได้หมายความว่าจะซื้อเวลา แต่ให้เวลาทุกฝ่ายตั้งสติ เรารีบตั้งรัฐบาลไปหากมีปัญหาก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร จะประชุมวันจันทร์ที่ 15 ก.ย.ก็ได้น่าจะเหมาะสมกว่า ทั้งนี้ ตนคิดว่าฝ่ายนิติบัญญัติควรจะเชิญทุกฝ่ายไปประชุมวันนี้เลยก็จะดี

“อภิสิทธิ์”อ้าแขนรับหากสภาดันนั่งนายกฯจำเป็น

ขณะที่ล่าสุดนายอภิสิทธิ์ได้กล่าวถึงแนวคิดการจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติว่า ตนคิดว่าวันนี้สิ่งที่สังคมต้องการเห็นคือการคลี่คลายวิกฤติ ซึ่งก่อนหน้านี้ทุกฝ่ายออกมาบอกว่าปัญหาทางการเมืองเจอทางตัน ไม่ว่าจะคิดอย่างไรกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญก็แล้วแต่ ผลคำตัดสินออกมาอย่างนี้ก็ถือว่าทำให้สังคมมีทางเลือกมากขึ้น ตนคิดว่าในช่วง 2 วันก่อนที่จะมีการโหวตเลือกนายกฯ อยากให้ทุกพรรคและส.ส.ทุกคนคิดว่าจะใช้โอกาสนี้จะช่วยแก้ปัญหาวิกฤตของบ้านเมืองได้อย่างไร ส่วนการปรึกษาหารือของพรรคร่วมรัฐบาลถือว่าเป็นเรื่องปกติ

เมื่อถามว่ามีโพลล์ล่าสุดสนับสนุนการตั้งรัฐบาลแห่งชาติเพื่อช่วยคลี่คลายวิกฤตทางการเมือง หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ทุกพรรคน่าจะหันมาช่วยกันคิดหาทางออกให้กับประเทศ ใจตนคิดว่าแม้แต่ประธานสภาฯและประธานวุฒิสภาน่าจะมีบทบาทต่อเนื่องต่อไปเพื่อทำให้มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่นำไปสู่การแก้วิกฤต ซึ่งเวลานี้หากใครจะเข้ามาเป็นรัฐบาลหรือจะเป็นผู้นำรัฐบาลคงไม่มีประโยชน์หากบ้านเมืองอยู่ในสภาพที่บริหารราชการลำบากหรือบริหารแทบไม่ได้เลย สุดท้ายประชาชนก็จะเจอปัญหาเศรษฐกิจความตึงเครียด จึงอยากให้ทุกพรรคเปิดใจกว้างและลองช่วยกันคิดว่าจะทำอย่างไร

ผู้สื่อข่าวถามว่าก่อนหน้านี้พรรคประชาธิปัตย์ไม่เห็นด้วยกับการตั้งรัฐบาลแห่งชาติแต่ขณะนี้กลับเปลี่ยนท่าทีเห็นด้วย นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า รัฐบาลแห่งชาติ ในความหมายที่บอกเพียงแค่ว่าทุกพรรคเข้าไปคงไม่ใช่คำตอบ ตนคิดว่าเสียงเรียกร้องจากประชาชนมองเข้าไปแล้วเห็นว่าแต่ละพรรคเข้าไปแบ่งอำนาจกันคงไม่ใช่หากพูดถึงรัฐบาลแห่งชาติอย่างแท้จริงคงต้องพูดถึงการมีประชาชนทุกฝ่ายทุกกลุ่มสามารถเข้าไปมีส่วนรวมต่อภารกิจของรัฐบาลที่สามารถกำหนดได้ชัดเจน ไม่ใช่ว่าเป็นไปโดยครบวาระของสภาฯ ดังนั้นต้องมีให้ชัดว่าจะมีรัฐบาลพิเศษเข้ามาเพื่อทำอะไรถ้าอย่างนั้นถือว่าเป็นรัฐบาลแห่งชาติ หากจะเริ่มต้นและจะทำได้หรือไม่ก็อยู่ที่การพิจารณาของทุกพรรคการเมือง ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์เคยบอกว่าถือว่าเป็นทางเลือกหนึ่ง แต่ถ้าจะมาพูดว่าพรรคประชาธิปัตย์ไปร่วมรัฐบาลด้วยคงไม่ใช่คำตอบที่สังคมต้องการ

เมื่อถามว่า แสดงว่าถ้าพรรคประชาธิปัตย์มาเป็นรัฐบาลคือต้องเป็นรัฐบาลแห่งชาติใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนยังไม่ได้พูดในแง่ที่ว่าพรรคประชาธิปัตย์จะมาเป็นรัฐบาลแต่บอกว่าทางเลือกทางออกมีมากขึ้นหลังจากมีคำวินิจฉัยจากศาลรัฐธรรมนูญ เราอย่าไปรีบทำให้มันกลับสู่ทางตันทุกฝ่ายต้องช่วยกันคิด อย่าไปคิดว่าพรรคประชาธิปัตย์จะเป็นฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายค้านมันไม่สำคัญเท่ารัฐบาลที่ตั้งขึ้นมาที่ต้องนำพาบ้านเมืองหลุดพ้นจากตรงนี้ไปให้ได้ ซึ่งต้องเริ่มคิดตั้งแต่การจัดตั้งต้องให้มีความชัดเจนและเจตนารมณ์ในการจัดตั้ง ซึ่งตรงนี้ถือว่าเป็นจุดยืนของพรรคประชาธิปัตย์

ผู้สื่อข่าวถามว่าพรรคพลังประชาชนสามารภจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ต้องมีความชัดเจนว่าตั้งขึ้นมาแล้วต่างกับรัฐบาลปกติอย่างไรหากจะไปตามแนวทางนี้ แต่แนวทางนี้ไม่ใช่แนวทางเดียวที่จะแก้ไขปัญหา




พปช.เทียบเชิญชท.ร่วมรัฐบาล "บรรหาร"ประชุมลูกพรรคพรุ่งนี้

พรรคพปช.เทียบเชิญพรรคชาติไทยเข้าร่วมรัฐบาล ด้าน"บรรหาร"เรียกประชุมลูกพรรคในวันพรุ่งนี้ (11ก.ย.)

(10ก.ย.) นายสมศักดิ์ ปริศนานันทุกล รองหัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวว่า พรรคชาติไทยยึดหลักการว่าพรรคไหนได้เสียงข้างมากก็ต้องให้สิทธิ์จัดตั้งรัฐบาล แต่หากไม่สามารถรวบรวมเสียงข้างมากได้ก็ต้องให้คนคะแนนอันดับสองจัดตั้ง ซึ่งพรรคพลังประชาชนได้ทาบทามให้พรรคชาติไทยร่วมรัฐบาลแล้ว โดยวันนี้(10ก.ย.) เวลา 11.00 น.จะหารืออีกครั้งและพรุ่งนี้ ช่วงเช้าพรรคชาติไทยจะมีการประชุมเพื่อถามความเห็นสมาชิกพรรค ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ ไม่มีการทาบทามอย่างเป็นทางการแต่มีการพูดคุยแต่พรรคประชาธิไตย์ก็เปิดโอกาสให้เสียงข้างมากตามมารยาท

"วันนี้ต้องมีการคุยเรื่องข้อสังเกตการมาเป็นนายกฯต้องคำนึงถึงเรื่องความสงบของบ้านเมือง การตัดสินใจของบ้านเมือง แต่เรื่องนี้เป็นประเด็นหลักที่เราต้องคุยกัน โดยส่วนตัวสถานการณ์ขณะนี้ตนคิดในหลักการว่าหากถูกต้องตามครรลองก็เป็นสิ่งที่ทุกคนไม่สามารถปฏิเสธได้"

หากพรรคพลังประชาชนเสนอบุคคลมาพรรคชาติไทยไม่เห็นด้วยนั้น นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เมื่อตัดสินใจร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประ ชาชนแล้วก็ต้องมอบให้เป็นสิทธิ์ของเขาและต้องถามพรรคก่อนเพื่อเป็นมติพรรค ส่วนที่มีรายงานข่าวว่าลูกพรรคชาติไทยบางส่วนอาจมีสส.ลาออกนั้นเป็นเรื่องปกติ เป็นเรื่องของกติกาและระบบพรรคการเมืองและความเห็นต่างเป็นเรื่องปกติมากแต่สุดท้ายก็ต้องยึดมติพรรค

ต่อข้อถามที่ว่าการตัดสินใจของพรรคว่าจะไปในทิศทางใดเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยจะคำนึงถึงอะไรระหว่างความสงบและการเป็นประชาธิไตย นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ต้องคู่กันไปในการที่จะเป็นปชต.และเรียกสันติกลับคืน ทุกคนปรารถนาที่สุด ส่วนจะได้หรือไม่อยู่ที่การตัดสินใจของเสียงข้างมาก

ต่อข้อถามที่ว่านายกฯรักษาการยุบสภาได้นั้น นายสมศักดิ์ กล่าวว่า รธน.ไม่ห้ามรัฐบาลรักษายุบสภา แต่เจตนา รธน.รัฐบาลไม่น่ายุบสภาเพราะให้รักษาการ แต่ขณะนี้บ้านเมืองไม่ใช่ภาวะปกติ ให้ยุบสภาได้ ไม่ควรให้บ้านเมืองเขม็งเกรียวมากกว่านี้ หากบ้านเมืองเข้าสู่ภาะปกติก็สามารถดำเนินการเป็นไปตามกติกาได้ ไม่ใช่ตามอำเภอใจ

ส่วนการยุบพรรคชาติไทยนั้นเราไม่ได้มีการเตรียมอะไรเชื่อมั่นในระบบศาลที่มีการไต่สวนเปิดโอกาสไม่เหมือนกติกากกต.ที่ใช้เพียงเหตุอันควรเชื่อได้ว่าก็ตัดสินแล้ว

ต่อข้อถามที่ว่านายบรรหาร ศิลปอาชา ปิดทางมาเป็นนายกฯนั้น นายสมศักดิ์ กล่าวว่า นายบรรหารปรารภว่าสถานการณ์บ้านเมืองที่วิกฤติ ใครมาเป็นนายกฯก็ยาก

จาก http://www.komchadluek.net/






ไม่มีความคิดเห็น: