ยืนยันว่าจะรักษาระบอบประชาธิปไตย ด้วยความอดทน อดกลั้น แต่จะให้ตนตัดช่องน้อยเอาตัวรอด โดยเขาจะเปลี่ยนระบบการปกครอง โดยเอาระบอบใหม่เข้ามา 70:30 แบบนี้ผมยอมไม่ได้ ผมเป็นคนปากกับใจตรงกัน และไม่ใช่คนวิเศษที่จะเปลี่ยนตัวนายกฯ ไม่ได้ แต่ระบอบต้องเปลี่ยนตัวนายกฯ นอกจากนี้ผมเป็น รมว.กลาโหมก็บอกเจรจากับทหารให้อยู่ในที่ตั้งตรงนี้เป็นความเลวหรือ ไม่ ผมเดินหน้ามาถึงขนาดนี้ประคับประคองทุกอย่าง ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นอุบัติเหตุ มีตำรวจบาดเจ็บ 27 คน และสาบานจะรักษาระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และตนรักบ้านเมืองนี้เท่าทุกคน และมากกว่าคนที่บอกให้เสียสละโดยยุบสภา”
นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ลุกขึ้นกล่าวขอบคุณสมาชิกรัฐสภา ช่วงวันที่ 31 ส.ค. ต่อเนื่องวันที่ 1 ก.ย.
การประชุมรัฐสภาเพื่อแก้วิกฤติที่ใช้เวลาไปกว่า 11 ชั่วโมงนั้นไม่มีอะไรเกิดขึ้น นอกจาก “ความว่างเปล่า” เปลืองน้ำ-เปลืองไฟ
สิ้นเสียง “ปิดประชุมรัฐสภา” ไม่ถึงชั่วโมงก็เกิดเสียงระเบิด “ตูม” ที่ป้อมตำรวจบริเวณเชิงสะพานประชาเกษม ตรงข้ามคุรุสภา ซึ่งอยู่ใกล้สะพานมัฆวานรังสรรค์ที่เป็นที่ชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
จุดประสงค์ของผู้วางระเบิดไม่ต้องการ “มุ่งหมายเอาชีวิต” แต่ต้องการสร้าง สถานการณ์ให้เกิดความหวาดกลัว
ยังไม่รู้ว่าเป็น “ฝีมือ” ใคร จะกลุ่มสีเหลือง กลุ่มสีแดง กลุ่มสีกากีหรือกลุ่มสีเขียว ไม่รู้ แต่ “ฟันธง” กันมาแล้วว่าเป็น “มือที่ 3”
จะมือที่ 3 มือที่ 4 หรือมือที่เท่าไร เรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินก็ไม่ พ้นที่รัฐบาลต้องให้ความคุ้มครองดูแล แต่เมื่อดูผู้มีหน้าที่รับผิดชอบอย่าง “บิ๊กโก” พล.ต.อ. โกวิท วัฒนะ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว. มหาดไทย ผู้ได้รับมอบหมายจากนายสมัคร ให้ดูแลการชุมนุม มีอำนาจสั่งการทั้ง “ตำรวจ”และผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ
เห็นเค้าลางเช่นนี้แล้วก็น่าเป็นห่วง สมัยระเบิด “ป่วนกรุง เทพฯ” ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ครั้งนั้น ก็ “จับมือใครดมไม่ได้” ผบ.ตร. สมัยนั้นก็เป็นคนเดียวกับที่นั่งรองนายกฯ และ รมว.มหาดไทยในปัจจุบัน และ
จะเชื่อหรือไม่ มีเหตุการณ์กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ป่านนี้ถามใครก็ยังไม่รู้เลยว่า “ใครทำ”
สัญญาณอันตรายเริ่มส่งออกมาให้เห็นแล้ว.
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น