04 กันยายน 2551

ใครอึด....กว่ากัน

ใครจะอึดและชอบธรรมกว่ากัน ศึกแตกหักรัฐบาล-พันธมิตรฯ
ดูเหมือนรัฐบาลจะแก้ปัญหาแบบขายผ้าเอาหน้ารอดสร้างภาพแก้เกี้ยวไปวันๆด้วยการยอมในวินาทีสุดท้ายให้ฝ่ายค้านเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอีก 7 คน ขณะเดียวกันก็ยอมให้สมาชิกวุฒิสภา(สว.)เปิดอภิปรายทั่วไปวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลโดยไม่มีการลงมติ ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้รัฐบาลยืนยันเสียงแข็งปิดปนะจูไม่ยอมให้มีการอภิปรายอย่างเด็ดขาดโดยอ้างว่าสภาสมัยวิสามัญมีเวลาไม่พอการยอมกลืนน้ำลายเปลี่ยนท่าทีจากหน้ามือเป็นหลังมือหลังคลื่นมหาชนภายใต้การนำของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยบุกยึดบริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาลได้สำเร็จแสดงให้เห็นถึงความตลบตะแลงไม่จริงใจและเกมการเมืองแบบน้ำเน่าที่ชอบสร้างภาพของพรรคพลังประชาชนเพราะความจริงรัฐบาลหากรัฐบาลจริงใจก็ต้องยอมให้มีการอภิปรายทั่วไปตั้งแต่แรกเพื่อใช้เวทีรัฐสภาเป็นทางออกคลี่คลายปัญหาของบ้านเมือง แต่กลับเล่นเกมดันทุรังพยายามปิดกั้นการตรวจสอบของฝ่ายค้านและวุฒิสภาจนในที่สุดเมื่อจนแต้มถึงยอมให้มีการซักฟอกซึ่งคงจะสายไปเสียแล้ว และที่สำคัญกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยประกาศย้ำว่า ไม่เชื่อถือการแก้ไขปัญหาด้วยเวทีรัฐสภาเพราะที่ผ่านมาไม่เคยแก้ไขปัญหาของบ้านเมืองได้ ดังนั้นจะมีญัตติซักฟอกรัฐบาลหรือไม่ กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยก็จะเดินหน้าขับไล่รัฐบาลหุ่นเชิดชุดนี้มาทางด้าน นายสมัครยังคงใช้รายการ "สนทนาประสาสมัคร" ทางสถานีโทรทัศน์ของรัฐเป็นกระบอกเสียงโจมตีฝ่ายตรงข้ามขณะเดียวกันก็คอยปกป้องแก้ตัวแทนระบอบทักษิณอันเป็นการจุดชนวนขยายความแตกแยกให้ลุกโชนเป็นประจำทุกสัปดาห์ โดยล่าสุดนายกฯหุ่นเชิดผู้นี้ ออกมาแสดงจุดยืนแบบแผ่นเสียงตกอีกครั้งด้วยการโจมตีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในทำนองว่าเป็นพวกข้างถนนแค่หยิบมือเดียวที่ออกมาสร้างความวุ่นวาย ทั้งๆที่รัฐบาลชุดนี้มาจากการเลือกตั้งตามวิถีทางของระบอบประชาธิปไตยการที่ นายสมัคร โจมตีว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่เลิกทั้งๆที่เข้ามาพิสูจน์ตัวเองตามกระบวนการยุติธรรมแล้วนั้น นายสมัคร อย่าพูดอะไรครึ่งๆกลางๆปิดบังความจริงและต้องตอบข้อสงสัยที่ว่าแล้วทำไมก่อนหน้านี้พรรคพลังประชาชนถึงพยายามเร่งรีบลุกลี้ลุกลนที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยมีเป้าหมายแอบแฝงเพื่อฟอกผิดคดีทุจริตให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่เมื่อสังคมรู้ทันจนเกิดกระแสต่อต้านขัดขวางอย่างหนักทำให้รัฐบาลต้องถอนญัตติแก้ไขรัฐธรรมนุญแล้วหันไปใช้วิธีการทำประชามติและยอมตั้งคณะกรรมาธิการร่วมกับฝ่ายค้านเพื่อหวังจะหาช่องฟอกผิดให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ในวันข้างหน้านอกจากนี้ตลอด 4 เดือนที่เข้ามาบริหารประเทศคุมอำนาจรัฐ รัฐบาลชุดนี้ก็ทำตัวเป็นหุ่นเชิดให้กับระบอบทักษิณด้วยการล้างบางข้าราชการฝ่ายที่ถูกมองเป็นศัตรู แล้วตั้งคนของระบอบทักษิณเข้าคุมตำแหน่งสำคัญในแทบทุกหน่วยราชการเพื่อหาช่องเตะถ่วงดึงเกมและฟอกผิดให้กับระบอบทักษิณ รวมทั้งปูทางเพื่อฟื้นระบอบทักษิณให้กลับมามีอำนาจยึดครองประเทศอีกครั้งส่วนการที่ นายสมัคร อ้างความเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งนั้นไม่มีใครเถียง แต่ควาเป็นรัฐบาลที่มีเสียงข้างมากหรือมาจาการเลือกตั้งไม่ได้หมายความว่ารัฐบาลจะลุแก่อำนาจทำอะไรก็ได้ตามใจชอบโดยไม่ฟังเสียงข้างน้อย โดยเฉพาะการใช้อำนาจที่ไม่ถูกต้องชอบธรรมเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองเฉพาะกลุ่มเฉพาะพวก และที่สำคัญคือพยายามฟอกผิดให้เป็นถูกจากรายการ"สนทนาประสาสมัคร"ครั้งล่าสุดยังสะท้อนให้เห็นว่านายกรัฐมนตรีวัย 73 ปีนี้ผู้นี้ดูเหมือนจะมีปัญหาวุฒิภาวะความเป็นผู้นำ ด้วยทัศนคติอันคับแคบและสุดขั้วซึ่งเป็นเช่นนี้มาตลอด โดยยึดถือแต่ความเห็นของตัวเองเป็นใหญ่ และที่สำคัญคือ เหยียดหยามดูแคลนการเมืองภาคประชาชนว่าเป็นพวกกฏหมู่อยู่เหนือกฏหมายหรือเป็นพวกข้างถนนนายกฯหุ่นเชิดผู้นี้ยังประกาศท่าทีที่แข็งกร้าวและท้าทายการชุมนุมกดดันของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยด้วยการย้ำว่า จะไม่ลาออกอย่างเด็ดขาด และจะรอดูว่าระหว่างรัฐบาลและกลุ่มพันธประชาชนเพื่อประชาธิปไตยใครจะอึดกว่ากันสถานการณ์ล่าสุดเป็นการชิงไหวชิงพริบซึ่งจะเป็นการพิสูจน์ความอึดความอดกลั้นของแต่ละฝ่าย แต่ที่สำคัญคือการช่วงชิงความชอบธรรมในการเคลื่อนไหว ซึ่งหากสูญเสียความชอบธรรมเมื่อใดก็จะตกเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำและพ่ายแพ้ในที่สุดโดยประเด็นที่จะต้องจับตาเป็นพิเศษคือปัญหาเขาพระวิหารที่อาจเป็นตัวแปรสำคัญที่จะชี้เป็นชี้ตายอนาคตของรัฐบาลหุ่นเชิดชุดนี้ในอีกไม่กี่วันข้างหน้าผ่าประเด็นร้อนทีมข่าวการเมือง นสพ.แนวหน้า

ไม่มีความคิดเห็น: